"โรนัลโด้" เชิญ 4 แข้ง "แมนยู" ชมเกมที่ซาอุฯ

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เชิญ 4 ไปชมเกม

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เชิญ 4 นักฟุตบอล อดีตเพื่อนเก่าที่ แมนฯ ยูไนเต็ด มาชมเกมที่ตัวเอง ลงเล่นที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย

โรนัลโด้แยกทางกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงที่ ไปเข้าแคมป์ ฝึกซ้อม กับทีมชาติ โปรตุเกส เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับ ลงเล่น ฟุตบอลโลก 2022
ทำให้ไม่ได้ มีโอกาสร่ำลา เพื่อนร่วมทีม “ปีศาจแดง” เลยหากแม้แต่คนเดียว

โดย รายงานจาก สปอร์ตไบเบิล ระบุว่า แม้ โรนัลโด้จะ ออกจากกลุ่ม วอทส์แอพ ของนักเตะ “ปีศาจแดง” ไปแล้ว
แต่เขา ยังคงติดต่อ กับเพื่อนสนิท บางคน พร้อมกับ มีการเชิญ 4 นักเตะอย่าง แฮร์รี่ แม็คไกวร์, บรูโน่ แฟร์นานเดส, กาเซมีโร่ และก็ ราฟาแอล วาราน

ไปชมเกม ที่ตัวเอง ลงเล่นให้กับ อัล นาสเซอร์ ในลีก ซาอุดิอาระเบีย หรือจะไปไปเยี่ยม คฤหาสน์หลังใหม่ ที่กำลังก่อสร้างที่บ้านเกิด ในกรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส ช่วงวันหยุดก็ได้

ทั้งนี้ รายงานเพิ่มเติมเปิดเผยว่า นักเตะ ดาวรุ่งของ แมนฯ ยูไนเต็ด บางคนยังให้ ความเคารพโรนัลโด้ อยู่ และก็รู้สึกเสียใจ ที่ทุกอย่าง จบลงแบบนี้
เพราะว่าพวกเขา ยังไม่ได้กล่าว คำอำลา ที่เหมาะสม กับดาวเตะรุ่นพี่เลย

คริสเตียโน่ โรนัลโด้
ผู้จัดการทีมฟุตบอล อัล นาสเซอร์ ชี้ โรนัลโด้ จะกลับไปยุโรป ก่อนแขวนสตั๊ด

รูดี้ การ์เซีย ที่ปรึกษา อัล นาสเซอร์ เปิดเผยว่า คริสเตีย โรนัลโด้พร้อม จะกลับไปเล่น ที่ยุโรปในอนาคต ก่อนแขวนสตั๊ด

นายใหญ่ ยอดทีมจาก ลีกซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า กัปตันทีมชาติ โปรตุเกส ถือว่าเข้ามาช่วยทีม ในการทำลาย เกมรุกฝั่งตรงข้าม พร้อมคิดว่าแข้งวัย 37 ปี

เป็นหนึ่ง ในผู้เล่นที่ดี ที่สุดในโลก และจะไม่จบ การเล่นในตะวันออกกลาง อย่างแน่นอน

“คริสเตียโน่ โรนัลโด้เป็น กำลังเสริม ที่ดี เพราะเขานั้น ช่วยในการ ทะลวงแนวรับได้”

“เขาคือหนึ่ง ในนักฟุตบอล ที่เก่ง ที่สุดในโลก เขาจะไม่หยุด เส้นทางอาชีพกับ อัล นาสเซอร์ เขาจะกลับไป ยุโรป”

โรนัลโด้
เจอมากับตัว “กองหลังลีกซาอุฯ” เปิดใจหลัง เผชิญหน้า “โรนัลโด” ชี้สิ่งที่เปลี่ยนไป

มาร์กแซล ทิสเซร็องด์ กองหลัง ชาวดีอาร์คองโก ของ อัล อิตติฟาค สโมสรในลีก ซาอุดีอาระเบีย ชื่นชม คริสเตียโน โรนัลโด กองหน้าของ อัล นาสเซอร์

ว่าดูแล ตัวเองได้ดี อยู่ในสภาพ ที่ฟิตและ สมบูรณ์ แม้ความจี๊ดจ๊าด จะลดลงไปตามอายุ หลังได้ดวลแข้งกันในเกมที่ อัล อิตติฟาต แพ้ อัล นาสเซอร์ 0-1

และเชื่อว่า โรนัลโด้จะเข้ามา ช่วยยกระดับ ลีกซาอุดีอาระเบีย ได้อย่างแน่นอน

ทิสเซร็องด์ กล่าวว่า “เท่าที่ผมเห็น เขายังฟิต และดูโอเคอยู่นะ สังเกตุได้ว่าเขาดูแลตัวเองดีมาก แต่แน่นอน ว่าจะให้เขาวิ่งเหมือนอายุ 20 ก็คงไม่ใช่ พวกเรา จะไม่ขอให้เขาเลี้ยง บอลผ่าน 5 คน เหมือนที่เขา ทำได้เมื่อ 2-3 ปีก่อน หรือทำทุก อย่างด้วยตัวเอง ตอนนี้เขา ต้องการเพื่อนร่วมทีม มากขึ้น เขาเล่นด้วย สมองมากขึ้น การเคลื่อนที่ ของและจังหวะต่าง ๆ เป็นไปตามกาลเวลา ผมคิดว่า เขาจะปรับตัว ได้อย่างรวดเร็วกับลีกนี้”

“การมาถึงของ โรนัลโดช่วยกระตุ้นลีกนี้ เพราะใครๆ ก็พากันพูดถึงเรื่องที่เขาย้ายมา และมันยอดเยี่ยมมากที่ทีมของเราได้เผชิญหน้าในนัดแรกของเขากับลีกนี้อย่างเป็นทางการ”

5 สตาร์กีฬาร่วมชาเลนจ์ วิ่งวิถีใหม่ ใจกลางเมือง 2023

วิ่งวิถีใหม่ ใจกลางเมือง 2023

กกท.-กองทุนพัฒนาการ กีฬาแห่งชาติ ดึง 5 สตาร์นักกีฬาร่วมชาเลนจ์สุดพิเศษ ในกิจกรรมเดิน-วิ่ง รวมพลคนกีฬา วิ่งวิถีใหม่ ใจกลางเมือง “Sports Day Run Thailand Series 2023” นำทัพโดย “บัวขาว-ลีซอ- ปิยะนุช-ตะวัน และเอิร์น นางฟ้านักวิ่ง”

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) รวมทั้งกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ จัดงานแถลงข่าวเปิดโครงการเดิน-วิ่ง รวมพลคนกีฬา วิ่งวิถีใหม่ ใจกลางเมือง “Sports Day Run Thailand Series 2023” ดึง 5 นักกีฬาและอินฟลูเอนเซอร์ขวัญใจชาวไทย

ให้แฟนคลับร่วมชาเลนจ์ 2 กิจกรรมสุดพิเศษ ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย ณ บริเวณด้านหน้าอาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การท่องเที่ยวแล้วก็กีฬา กล่าวว่า กิจกรรมเดิน-วิ่ง รวมพลคนกีฬา วิ่งวิถีใหม่ ใจกลางเมือง “Sports Day Run Thailand Series 2023” เป็นการเปิดให้แฟนๆแล้วก็ประชาชนทั่วไปได้ออกกำลังกายร่วมกับ เหล่าบรรดานักกีฬาที่โด่งดัง

และก็เป็นขวัญใจของคนไทย โดยมีอีกทั้งรูปแบบ Virtual Walk-Run เดิน-วิ่ง สะสมระยะทาง ที่ไหนก็ได้ แล้วก็กิจกรรมเดิน-วิ่ง ระยะทาง 5 กิโลเมตร ที่สวนสาธารณะต่าง ๆ

ซึ่งการมีนักกีฬาที่มีชื่อเสียงด้านการออกกำลังกายมาร่วมกิจกรรมด้วย จะช่วยเพิ่มกระแสความตื่นตัว พร้อมช่วยจูงใจรวมทั้งเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชน หันมาออกกำลังกายอย่างเป็นประจำและต่อเนื่องได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นไปตามพันธกิจของกระทรวง ที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบ ในการส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมทางการกีฬาของชาติ ตามยุทธศาสตร์การกีฬาแห่งประเทศไทย

​ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย

​ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า

การกีฬาแห่งประเทศไทย มองเห็นความสำคัญของการเล่นกีฬารวมทั้งออกกำลังกายในชีวิตประจำวัน จึงได้จัดกิจกรรมออกกำลังกายรูปแบบเดิน-วิ่ง ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เข้าถึงได้ง่าย ทุกเพศทุกวัยสามารถเข้าร่วมได้ ในชื่อโครงการ “รวมพลคนกีฬา วิ่งวิถีใหม่ ใจกลางเมือง” พร้อมเชิญนักกีฬาขวัญใจชาวไทยรวมทั้งอินฟลูเอนเซอร์ชั้นนำระดับประเทศมาร่วมนำขบวน นำโดย บัวขาว บัญชาก้อนเมฆ, ปิยะนุช แป้นน้อย, “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย, “ตะวัน” ปัณณวิชญ์ ทองน่วม แล้วก็ “เอิร์น” จิราภรณ์ กมลรังสรรค์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจแล้วก็สร้างกระแส ตื่นตัวให้คนไทยหันมาออกกำลังกายอย่างบ่อยรวมทั้งสร้างความสนใจในการเล่นกีฬาชนิดอื่นต่อ ๆ ไป

​ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ กล่าวว่า กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ มีพันธกิจสำคัญในการส่งเสริม สนับสนุน และก็สร้างโอกาสทางการกีฬาให้เกิดขึ้นอย่างทั่วถึงและก็เท่าเทียม ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ตลอดจนตอบสนองพันธกิจตามยุทธศาสตร์การกีฬาแห่งประเทศไทย

ด้านการพัฒนาการมีส่วนร่วมในกิจกรรมรวมทั้งการบริการของการกีฬาแห่งประเทศไทย ก็เลยได้ร่วมเกื้อหนุนการจัดกิจกรรมในครั้งนี้เพื่อส่งเสริมการเล่นกีฬาในชีวิตประจำวันอย่างสม่ำเสมอ พร้อมสร้างแรงจูงใจให้ผู้คนเข้าถึงพื้นที่เพื่อการออกกำลังกายและก็พื้นที่สาธารณะมากยิ่งขึ้น โดยกิจกรรมนี้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมรับของที่ระลึกแล้วก็เหรียญรางวัลเมื่อเข้าร่วมกิจกรรม ด้วยเหมือนกัน

Sports Day Run Thailand Series 2023

สำหรับ กิจกรรมเดิน-วิ่ง รวมพลคนกีฬา วิ่งวิถีใหม่ ใจกลางเมือง “Sports Day Run Thailand Series 2023”

เปิดให้ประชาชนได้ร่วมชาเลนจ์ไปกับทัพนักกีฬาแล้วก็อินฟลูเอนเซอร์ชั้นนำระดับประเทศจาก 5 ชนิดกีฬา นำโดย บัวขาว บัญชาเมฆ (BOXING STAR), ปิยะนุช แป้นน้อย (VOLLEYBALL STAR ), “เอิร์น” จิราภรณ์ กมลรังสรรค์ เจ้าของฉายานางฟ้านักวิ่ง (RUNNING STAR), “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย (FOOTBALL STAR) และ “ตะวัน” ปัณณวิชญ์ ทองน่วม (BADMINTON STAR)

​ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมมี 2 รูปแบบ ประกอบด้วย 1.กิจกรรม Virtual Walk-Run เดิน-วิ่ง สะสมระยะทางที่ไหนก็ได้ เวลาใดก็ได้ จำนวน 5 ชาเลนจ์ (30 กิโลเมตร ต่อ 1 ชาเลนจ์) และก็ 2.กิจกรรมเดิน-วิ่ง ระยะทาง 5 กม. จำนวน 5 ครั้ง คือ VOLLEYBALL DAY วันที่ 4 ก.พ. 2566 ณ การกีฬาแห่งประเทศไทย, BOXING DAY วันที่ 4 มีนาคม 2566 ณ สวนห้ากิติ, RUNNING DAY วันที่ 8 ม.ย. 2566 ณ สวนหลวงร.9, FOOTBALL DAY วันที่ 6 พฤษภาคม 2566 ณ สวนเบญจกิติ รวมทั้ง BADMINTON DAY วันที่ 3 มิถุนายน 2566 ณ สวนหลวง ร.9

บิเอลซ่า-แฟรงค์ ปัดคุมเอฟเวอร์ตัน

เอฟเวอร์ตันประกาศขายทีม

มาร์เซโล่ บิเอลซ่า และ โธมัส แฟรงค์ ไม่ยอมรับไม่สนใจที่จะเข้ามารับงานคุมทีม เอฟเวอร์ตัน แทนที่ของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่เพิ่งจะถูกปลดออกไป

ทั้ง บิเอลซ่า รวมทั้ง แฟรงค์ อยู่ในลิสต์รายนามที่มีโอกาส เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลคนใหม่ของทีม “ท๊อฟฟี่สีน้ำเงิน” โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับในรายของ บิเอลซ่า

ที่มีแถลงการณ์ว่า ฟาร์ฮัด โมชิรี่ เจ้าของทีมเอฟเวอร์ตัน วางให้ที่ปรึกษาชาวอาร์เจนไตน์เป็นตัวเลือกอันดับ 1 ที่ต้องการได้ตัวเข้ามาคุมทีม หลังประทับใจกับผลงานในการพา ลีดส์ เลื่อนชั้นกลับคืนสู่พรีเมียร์ลีก และจบอันดับ 9 ในซีซั่น 2021

แต่ล่าสุด เดอะ ไทม์ส กล่าวว่า บิเอลซ่า ได้ปฏิเสธข้อเสนอของเอฟเวอร์ตันแล้ว เพราะกังวลค่อนข้างมากกับการเข้ามา รับตำแหน่งที่ยากลำบากนี้ โดยเฉพาะกับการสร้างทีมชุดเดี๋ยวนี้ให้แข็งแกร่งขึ้น อีกจุดคือเอฟเวอร์ตัน กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย เนื่องจากบิเอลซ่า ต้องการเปลี่ยนสตาฟฟ์ยกชุด

ส่วนอีกรายอย่าง โธมัส แฟรงค์ ก็มีรายงานจาก ไวทัลเอฟเวอร์ตัน ว่า กุนซือคนปัจจุบันของ เบรนท์ฟอร์ด ได้บอกปัดข้อเสนอของ เอฟเวอร์ตัน แล้วเหมือนกัน เนื่องจากว่ากำลังสนุก กับการทำงานที่ เบรนท์ฟอร์ด ที่ตอนนี้ทำผลงานได้อย่างเยี่ยมรั้งอยู่ในอันดับ 8 ของพรีเมียร์ลีก

แลมพาร์ด

ไม่รอช้า เต็ง 1 ที่ปรึกษาใหม่ “เอฟเวอร์ตัน” คุยผู้ครอบครองทีมแล้ว-รอถก 1 ข้อก่อนแทน “แลมพาร์ด”

“ดีกรีไม่ธรรมดา” เต็ง 1 ผู้จัดการทีมฟุตบอลใหม่เอฟเวอร์ตัน คุยกับเจ้าของทีมแล้ว เหลือพูดจา 1 ข้อจำกัดสำคัญ ก่อนรับงานพาทีมหนีตายพรีเมียร์ลีก

วันที่ 24 มกราคม 2566 เดลี่เมล สื่อดังเมืองผู้ดีกล่าวว่าเอฟเวอร์ตัน ได้เลือก มาร์เซโล บิเอลซา กุนซือจอมเก๋า ชาวอาร์เจนตินา เป็นเป้าหมายอันดับ 1 ที่จะมารับงานต่อจาก แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่พึ่งจะโดนปลดออกจากตำแหน่ง เพื่อพาทีมลุ้นหนีตกชั้น จากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ หลังจากหล่นไปอยู่อันดับ 19 มีเพียงแค่ 15 คะแนน จาก 20 นัด ห่างจากโซนปลอดภัย 2 แต้ม

มาร์เซโล บิเอลซา วัย 67 ปี กำลังตกงาน หลังแยกทางกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด เมื่อก.พ.ปีที่แล้ว ซึ่งศูนย์ข่าวบอกว่าได้เข้ามาคุยกับ ฟาร์ฮัด โมชิรี เจ้าของสโมสรเอฟเวอร์ตันแล้ว โดยกุนซือจอมเก๋าชาวอาร์เจนตินาต้องการรู้ถึงแผนงานเสริมกองทัพเพื่อลุ้นหนีตกชั้น ก่อนที่ตลาดนักฟุตบอลฤดูหนาวจะปิดตัวลงในวันที่ 31 มกราคมนี้ ก่อนตัดสินใจรับงาน

สำหรับ มาร์เซโล บิเอลซา ถือเป็นผู้จัดการทีมที่ได้รับการยอมรับเรื่องฝีมือที่เน้นการเล่นเกมรุกและความดุดัน เคยพาทีมชาติอาร์เจนตินาไปลุยฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย 2 สมัย ในปี 1998 แล้วก็ปี 2002 รวมทั้งคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2004 จากนั้นก็นำ แอธเลติก บิลเบา เข้ารอบชิงชนะเลิศ โกปา เดล เรย์ รวมทั้ง ยูโรปาลีก ในฤดูกาล 2011-2012 ก่อนพา ลีดส์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์แชมเปียนชิพ ฤดูกาล 2019-2020 เลื่อนชั้นกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกครั้งแรกในรอบ 16 ปีได้สำเร็จ

ทั้งนี้ มาร์เซโล บิเอลซา เป็น 1 ในตัวเต็งที่จะมารับงานผู้จัดการทีมฟุตบอลเอฟเวอร์ตันคนใหม่แทน แฟรงค์ แลมพาร์ด ร่วมกับ ฌอน ไดช์, เวย์น รูนีย์, นูโน เอสปิริโต ซานโต รวมทั้ง ดันแคน เฟอร์กูสัน.

บิเอลซา

500 ล้านปอนด์! เอฟเวอร์ตันประกาศขายทีมหลังปลดแลมพาร์ด

เจ้าของทีมท็อฟฟี่สีน้ำเงินตระเตรียมนำทีมเข้าสู่ตลาด เพื่อหารายได้มากกว่า 500 ล้านปอนด์ มาจุนเจือส่วนที่หายไปจากการสร้างสนามใหม่ แล้วก็คัดสรรผู้จัดการทีม

ฟาร์ฮัด โมชิรี ผู้ครอบครองทีมเอฟเวอร์ตัน ออกมาประกาศขายทีม หลังจากที่เพิ่งปลดแฟรงค์ แลมพาร์ด พ้นจากตำแหน่งได้เพียง 24 ชั่วโมง ตามรายงานจาก The Guardian

ทีมท็อฟฟี่สีน้ำเงิน กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มย่ำแย่ หลังจากที่มีเพียงแต่ 15 แต้มจาก 20 นัด โดยชนะไป 3 นัด เสมอ 6 แล้วก็แพ้ถึง 11 นัด ส่งผลให้ทีมต้องปลดแลมพาร์ดออกจากตำแหน่งกุนซือ

จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้พวกเขาต้องมองหาเฮดโค้ชคนใหม่เข้ามาคุมทีม โดยมาร์เซโล บิเอลซา และก็ชอน ไดค์ คือสองตัวเต็งที่มีชื่อปรากฏตามหน้าสื่อเวลานี้

เอฟเวอร์ตันประกาศขายทีม

เอฟเวอร์ตัน เปิดการพูดจาดึง บิเอลซา คุมแทน แลมพาร์ด

สำนักข่าวเดลี เมล์ กล่าวว่าเอฟเวอร์ตัน กำลังทำการเจรจากับ มาร์เซโล บิเอลซา ให้เข้ามานั่งแท่นผู้จัดการทีมคนใหม่ของพวกเขา
เอฟเวอร์ตัน เพิ่งสั่งปลด แฟรงก์ แลมพาร์ด พ้นจากตำแหน่งกุนซือ ไปหมาด ๆ หลังจากทีมรั้งอันดับ 19 ของตาราง และก็มีความเสี่ยงที่จะตกชั้น

แล้วก็ล่าสุดมีการเปิดเผยว่า พวกเขากำลัง ทำการสนทนากับ บิเอลซา แล้ว แต่ทางกุนซือชาวอาร์เจนไตน์ต้องการจะรู้เรื่องแผนการเสริมทัพของเอฟเวอร์ตัน ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะรับงานดังกล่าวกับทีมทอฟฟี้สีน้ำเงินหรือไม่

สำหรับบิเอลซา ก่อนหน้านี้สร้างผลงานสำคัญ คือ การพาลีดส์ ยูไนเต็ด เลื่อนชั้นกลับสู่พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ แต่สุดท้ายก็แยกทางกันไปแล้ว

บอลมันส์ จนลืมหายใจ คนแพ้หมดสิทธิ์แก้ตัว

บอลมันส์ จนลืมหายใจ อาร์เซนอล แมนฯยูฯ

บอกได้ว่าเกมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ 5 ดาว น้ำปรุงรสข้นคลั่กระหว่าง อาร์เซนอล รวมทั้ง แมนฯยูฯ แทบจบลงแบบแฮปปี้เอนดิ้งจนกระทั่งกระทั่งเกิดประตูชัยสนามแตกในนาที 90

ก่อนหน้านี้การคัมแบ็คทวงประตูคืนฝั่งละหนของทั้งยัง 2 ทีมอย่างรวดเร็วทันใจในเวลาใกล้เคียงกัน (6-7 นาที) ถ้าเกิดนับถึงแค่นี้ผลเสมอให้ได้ไม่น่าเกลียด

ด้วยความเป็นเจ้าบ้าน/ทีมเยือน ในช่วงเวลา 10-20 นาทีสุดท้ายอาร์เซนอล โหมหนักขึ้น ในขณะที่ ยูไนเต็ด ดูเมื่อยล้าจนถึงแนวรับแกว่งอย่างเห็นได้ชัดเจน

การถอด แอนโทนี่ รวมทั้งอัด เฟร็ด ยัดกลางรับอีกตัวตั้งแต่นาที 71 คือการบอกเป็นนัย ๆ ของ เอริค เทน ฮาก ว่าขอ 1 แต้มเป็นอย่างน้อย

ภารกิจที่ว่านี้เกือบจะถึงฝั่งแต่แนวรับของ ยูไนเต็ด ถูกขยี้ถี่กระทั่งราวกับบอลรอโดนแถมประตูของ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ดันมาโผล่แบบไม่เหลือเวลาให้ “ปีศาจแดง” ตามแก้ตัวใดๆอีกแล้ว

ความลื่นไหลของเกม, การต่อสู้ที่ตื่นเต้นเร้าใจ สะกดให้เราลุกไปไหนไม่ได้ทำให้เวลาผ่านไปเร็วโคตร ๆ

“ปืนใหญ่” ที่จัดเกมบุกตาม แบบฉบับเจ้าบ้านอยู่ร่วม ๆ 10 กว่านาทีแต่โชคร้ายตรงที่ว่าความผิดพลาด ครั้งแรกกับการเสียบอลในแดนตนเองถูกลงโทษทันที

มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ตอนนี้ฟอร์มน่ากลัวสุด ๆ ใช้โอกาสแรกของตนเองและก็ของฝี่งทีมเยือนประเดิม ลูกแรกจากความเยือกเย็นแตะดาก โธมัส ปาเตย์ (ที่วันนี้ผมว่าเล่นต่ำยิ่งกว่ามาตรฐาน) ก่อนเลือกยิงมุมอนาถา แรมเดลส์ กว่าจะรู้สึกตัวก็ช้าไปแล้ว

การขาด คาเซมิโร่ ของ ยูไนเต็ด ได้ผลทันตา แดนกลางยวบ การสกรีนเกมรุกที่ตัวเสียบแทนอย่าง แม็คโทมิเนย์ ผลลัพท์ออกมาคนละตีน

กระทบไปถึง เอริคเซ่น ที่ปกติแกเป็นพวกประดิษฐ์เกมต้องทำงาน “เสริม” ช่วยเกมรับกระทั่งแทบไม่เหลือแรง

ผมนี่งงมาก เลยคือ แม็คโทฯ แกยืนมิดฟิลด์ฝั่งซ้ายซึ่งตำแหน่งนี้แกต้องคอยซ้อน ลุค ชอว์ เพื่อต่อกรกับ ซาก้า ที่จ้องเลี้ยงตัดเข้าในตลอดทั้งเกม

อาร์เซนอล

แต่จังหวะที่เสียประตูปล่อยให้คนอายุ 30 ปีอย่าง เอริคเซ่น มาไล่กวดซะงั้น (แต่ตัวเองไปยืนในเขตโทษ)

ไม่ใช่เพียงแค่ลูกนี้ครับตอนช่วงนาที 70 ที ซาก้า กดสูตรเดิมก็ยังเป็น เอริคเซ่น คนเดิมพยายามช่วยบล็อกแต่ก็ช้าไป 1 ก้าว (อีกแล้ว) โชคดีบอลแฉลบโคนเสา

เข้าบอลดุกว่า หนุ่มกว่าแต่ไหงไปยืนดู รักษาพื้นที่ในเขตโทษซึ่งมีแนวรับคนอื่นๆประจำการอยู่แล้ว

ความอันตรายแล้วก็จมูกไวในเขตโทษของ เอ็นเคเทียห์ นับว่าเป็นอาวุธลับของ “ปืนใหญ่” ในฤดูกาลนี้จริง ๆ ครับ

เนื่องจากมีการเปิดสถิติตลอด 13 เกมที่ลงตัวจริงใน เอมิเรสต์ สเตเดียม “พี่เอ็นข้อ” ซัดไปถึง 12 ประตู ตัวเลขโคตรโหด!!

การเข้าหาบอลตัดหน้า “ไอ้แมงมุม”, การอยู่ถูกที่ถูกเวลา ในระยะเผาขนรอบแรก (ติดเซฟ เด เกอา) และซัดประตูชัยนาที 90 ล้วนแล้วแต่เป็นสัญชาตญาณดาวยิงล้วน ๆ

ถ้าหากเป็นคนรุ่นเก่ายุค 90 จะรำลึกถึง อลัน สมิธ กองหน้าร่างโย่งที่ไม่ว่าบอลโด่งบอลเลียดถึงเวลาเขาจะมาตามนัดเอง

ครับสำหรับผู้แพ้ “ปีศาจแดง” การโดนยิงช่วงเวลาอื่น “เจ็บปวด” ไม่เท่าโดนช่วงนาทีสุดท้าย อารมณ์ประมาณไม่เหลือเวลาให้ระบายแค้น เกมจบแบบมีเงื่อนในใจ

ยิ่งมองถึงฟอร์มและก็การสู้กับ “จ่าฝูง” ได้ไม่เป็นรอง การตาม อาร์เซนอล 8 แต้มกับตอนนี้ 11 แต้มคงต้องใช้วลา heal กันอีกพักนึง

แต่ในมุมมองผม ยูไนเต็ด วันนี้ต่างจากซีซั่นก่อนและต้นซีซั่นจริง ๆ การเล่นรวมทั้งเสียประตูแบบเด็กอนุบาล ที่แฟนบอลทีมอื่นเอามาล้อรวมได้รับความนิยมในยูทูปมันไม่มีอีกแล้ว

ตามหลักแล้วก้าวแรกของทีม ที่จะขึ้นมาลุ้นแชมป์บนหัวตารางอย่างสุดกำลังต้องเริ่มจากสัมผัสถึงแรงกดดันและรับมือต่อสู้เกมอันเข้มข้นของทีมระดับ top ให้ได้ก่อน

ทั้งยัง 2 นัดไม่ว่าเกมที่เจออาร์เซนอล หรือ แมนฯซิตี้ เด็ก ๆ ของ เอริค เทน ฮาก พิสูจน์ให้มองเห็นแล้วว่า space ความห่างมันอยู่เพียงแค่ปลายนิ้วจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่ก่อน ETH จะมาทรงบอลคนละตีนกันเลยนะครับ

ผมเชื่อเหลือเกินว่าตลาดซัมเมอร์หน้าจะผลักให้ “ปีศาจแดง” ก้าวขึ้นมาลุ้นแชมป์สู้กับ ซิตี้ รวมทั้งอาร์เซนอล เต็มตัวแน่นอน

สำหรับ “ปืนใหญ่” การเก็บความมีชัยครั้งแล้วครั้งเล่า 16 จาก 19 เกมซึ่งแตะครึ่งซีซั่นเป็นตัวเลขที่ไม่มีวัน พูดเท็จใคร

การคว้า เลอันโดร ทรอสซาร์ ทั้งๆที่ “ปืนใหญ่” ยิงประตูมากที่สุดในลีกรองจาก ซิตี้ เป็นการประกาศตัวต้องแชมป์เท่านั้นของ มิเกล อาร์เตต้า บิ๊กบอสหน้าหยก

5 แต้มเหนืออันดับ 2 พร้อม 1 เกมในมือถือว่าไม่ได้มากมายอะไรเลยเมื่อเรากำลังพูดถึง แมนฯซิตี้ ของ เป๊ป กวาดิโอล่า

ตัวแปรสำคัญคือทั้งยัง 2 ทีมยังไม่ได้เจอกันเลยในฤดูกาลนี้ 16 ก.พ. ที่ เอมิเรสต์ รวมทั้ง 27 เมษายน ที่ เอติฮัด แน่นอนไม่ใช่ตัวตัดสินแชมป์ที่โดยความเป็นจริง

ความเป็นประจำในการดูดแต้มจากบรรดาทีมอื่น ๆ ต่างหากคือปัจจัยคว้าแชมป์ซึ่ง so far ตอนนี้ อาร์เซนอล นับว่ายังทำได้เด็ดกว่า ซิตี้ ที่ยังมีเส้นกราฟที่สวิงไปมาน้อย

หนทาง ยังอีกยาวไกลอีกครึ่งซีซั่นหรือ 4 เดือนเต็มก็จริงแต่ต้องบอกว่าตอนนี้ “ปืนใหญ่” มาดีรวมทั้งดูดีจริง ๆ ครับ…

แมนฯยูฯ
เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ เป็นนักเตะ อาร์เซนอล คนที่ 2

ที่ยิงประตูนาที 90 ใส่ แมนฯยูไนเต็ด (ในพรีเมียร์ลีก) นับตั้งแต่ เธียร์รี่ อองรี เคยทำไว้ภายในเดือนมกราคม 2007

เอ็นเคเทียห์ เป็นแข้ง “ปืนใหญ่” คนแรกที่ยิง 2 ประตูใส่ แมนฯยูฯ ในพรีเมียร์ลีกนับตั้งแต่ อเล็กซิส ซานเชส เคยทำไว้เมื่อเดือนตุลามคม 2015

นอกจากนี้ “พี่เอ็ดดี้” ทำสถิติสุดร้อนแรงยิง 18 ประตูจากการออก สตาร์ตเป็นตัวจริง 26 เกมในทุกรายการรวมถึง 12 ประตูจากการลงตัวจริง 13 เกมที่ เอมิเรสต์ สเตเดียม อีกด้วย

อาร์เซนอล สัมผัสบอลในกรอบเขตโทษของ แมนฯยูฯ เกมนี้มากถึง 63 ครั้ง นับเป็นตัวเลขที่มากที่สุดในเกมเดียวของซีซั่นนี้

“ปืนใหญ่” ทำสถิติไม่มีพ่ายแพ้ในพรีเมียร์ลีกเป็นนัดที่ 13 (ชนะ 11 เสมอ 2) เป็นตัวเลขที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2018 (14 เกม)

บูกาโย่ ซาก้า เป็นนักฟุตบอล “ปืนใหญ่” คนที่ 3 ที่ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกในการเจอกับ “ปีศาจแดง” 3 เกมติดต่อกันโดย 2 คนก่อนหน้านี้ที่ทำได้คือ เฟร็ดดี้ ยุงเบิร์ก (1998-2000) รวมทั้ง เธียร์รี่ อองรี (2000-2001)

เกมนี้นับว่าเป็นหนที่ 3 เท่านั้นที่อาร์เซนอล เปิดบ้านจัดการกับ แมนฯยูฯ ในขณะที่รั้งตำแหน่ง “จ่าฝูง” โดยอีกทั้ง 3 เกมพวกเขาไม่แพ้เลย (ชนะเกมนี้ 3-2,เสมอ 1-1 ปี 2004 และก็ 2-2 ปี 2007)

มาร์คัส แรชฟอร์ด ยิง 9 ประตูในทุกรายการนับตั้งแต่จบบอลโลก ถือเป็นนักฟุตบอลที่ยิงมากกว่าผู้เล่นคนอื่น ๆ ใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรปเลยทีเดียว

ลิซานโดร มาติเนซ เป็นนักเตะ อาร์เจนติน่า คนที่ 7 ที่ทำประตูให้ แมนฯยูฯ จัดว่ามากกว่าทุกๆสโมสรไปแล้ว (คาร์ลอส เตเวซ, ฮวน เซบาสเตียน เวรอน, อังเคล ดิ มาเรีย, มาร์กอส โรโฮ, กาเบรียล ไฮนเซ่ และก็ อเลฮานโดร การ์นาโช่)

แมนฯยูฯ ไม่เจอกับความมีชัยเลยเมื่อต้องบุกมาเยือนอาร์เซนอล 5 เกมทุกรายการโดยแพ้ถึง 4 และก็เสียอย่างน้อย 2 ประตูในแต่ละความแพ้ (เสมออีก 1) เป็นสถิติไม่มีชัยที่ เอมิเรสต์ ที่ยาวนานที่สุดของพวกเขานับตั้งแต่ตุลาคม 2000 – มีนาคม 2004 (5 เกม)

เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 25 ประตูจากการง้างเท้ายิงเพียงแค่ 74 หนเท่านั้นโดยดาวซัลโวสูงสุดของ แมนฯซิตี้ อย่าง กุน อเกวโร่ กว่าจะยิงได้ 25 ประตูต้องใช้โอกาส 150 ครั้งหรือมากกว่า 2 เท่า

เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ กดแฮทริคที่ 4 จากการลงเล่นในพรีเมียร์ลีกเพียง 19 นัดเท่านั้น เป็นการทำลายสถิติของ รุด ฟาน นิสเตลรอย ที่ทำ 4 แฮทริคจากการลงเล่น 65 นัดอย่างง่ายดาย

19 – เออร์ลิ่ง ฮาลันด์
65 – รุด ฟาน นิสเตลรอย
81 – หลุยส์ ซัวเรซ
86 – อลัน เชียร์เรอร์
89 – ร็อบบี้ ฟาวเลอร์

มีเพียงแค่ อลัน เชียร์เรอร์ คนเดียวเท่านั้น (5 หนในซีซั่น 1995-96) ที่ทำแฮทริคในพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลเดียวมากกว่า เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ (4 หน 2023-24)

ไม่มีนักเตะคนไหนยิงประตูในบ้านในฤดูกาลเดียวให้ แมนฯซิตี้ มากกว่า เออร์ลิง ฮาลันด์ อีกแล้ว (16 ประตูจาก 11 เกมที่ เอติฮัด) ซึ่งเป็นตัวเลขที่เท่า กุน อเกวโร่ (2011-12)

เควิน เดอ บรอยน์ จัดไปแล้ว 16 แอสซิสต์รวมทุกรายการในฤดูกาลนี้ซึ่งมากกว่านักเตะทุกคนใน 5 ลีกใหญ่ ๆ โดย 7 จาก 16 เป็นประตูของ ฮาลันด์

เว็กฮอร์สต์ ไหวแน่นะวิ, ผีเสียสถิติจนได้ – 5 ข้อ แมนยู โดน พาเลซ ทำแสบแชร์แต้ม

5 ข้อ แมนยู โดน พาเลซ

ในที่สุด แมนยู ก็ออกอาการ สะดุดเข้าให้ ซะแล้วเมื่อบุกไปโดน คริสตัล พาเลซ แบ่งแต้ม 1-1 ในเกม พรีเมียร์ลีก ที่สนาม เซลเฮิร์สพาร์ค เมื่อวันพุธที่ 18 ม.ค. ซึ่งถือได้ว่าทำให้เกิดผลเสีย อย่างแรงต่อโอกาส ได้ลุ้นคว้าแชมป์ลีก

เนื่องจากนอกจากจะพลาดการเก็บสามแต้มเต็มแล้ว กาเซมีโร่ กองกลางทีมชาติ บราซิล ยังหมดสิทธิ์ ลงเล่นเกมหน้ากับทีม ปืนใหญ่ ด้วยหลังสะสมใบเหลือง เพิ่มซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่า นับเป็นข่าวร้ายของ ผีแดง แล้วก็เป็นข่าวดีของทีมจ่าฝูง

คริสตัล พาเลซ

1.เจ้าถิ่น แมนยู หมุนทีมสี่ตำแหน่ง

ปาทริค วิเอร่า ผู้จัดการทีมฟุตบอลทีม คริสตัล พาเลซ จัดกองทัพต่อกร แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยการเปลี่ยนโผ ตัวจริงสี่รายจากเกมลีก ที่บุกไปพ่ายแพ้ เชลซี 1-0

ในจำนวนนี้ คริส ริชาร์ดส์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติ สหรัฐฯ ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกม พรีเมียร์ลีก นัดแรกเสียบแทน โยอาคิม อันเดอร์สัน ที่บาดเจ็บ

นอกจากนั้นอีกสามรายได้แก่ วิลล์ ฮิวจ์ส กองกลางที่ได้ลงเล่น เป็นตัวจริงในลีกซีซั่นนี้เกมแรก , อ็อดชอนน์ เอดูอาร์ และก็ ฌอง ฟิลลิปป์ มาเตต้า ที่เบียด เอเบเรชี่ เอเซ่ , จอร์แดน อายิว และ เจฟฟรีย์ ชลุปป์ ลงไปนั่งเป็นตัวสำรอง

เวาท์ เว็กฮอร์สต์

2. เว็กฮอร์สต์ ออกสตาร์ต , แมนยู ปรับทัพสามราย

เอริค เทน ฮาก ที่ปรึกษาทีม แมนฯ ยูไนเต็ด สร้างความฮือฮาด้วยการส่ง เวาท์ เว็กฮอร์สต์ กองหน้าที่ยืมมาจาก เบซิคตัส ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงทันทีในเกมประเดิมสนามของเขาแทนที่ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ที่มีปัญหาบาดเจ็บ รวมทั้งไม่มีส่วนร่วมกับเกมนี้

รวมแล้ว ผีแดง เปลี่ยนโผจากเกมเปิดบ้านสยบ แมนฯ ซิตี้ 2-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาสามรายโดย ลิซานโดร มาร์ติเนซ ได้ลงเล่นแทน ไทเรลล์ มาลาเซีย เป็นการฉลองวัน เกิดอายุครบ 25 ปีพอดีของกองหลัง แชมป์โลก และก็ทำให้ ลุค ชอว์ กลับไปรับภาระ แบ็คซ้ายตามเดิม

นอกเหนือจากนั้น อันโตนี่ ก็กลับสู่โผตัวจริงแทน เฟร็ด ขณะที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ฟิตมากพอที่จะลงสนามได้

เว็กฮอร์สต์

3. เว็กฮอร์สต์ ไหวมั้ย?

อาจเป็นเพียงแค่เกมแรก ของสตาร์ชาวเมือง กังหันลมกับ ปีศาจแดง แต่เท่าที่ได้เห็นหน่วยก้านของ เว็กฮอร์สต์ คล้ายกับว่า เทน ฮาก อาจเลือกเซ็นสัญญากับศูนย์หน้าผิดคนก็เป็นได้

โอเคว่าที่ปรึกษาสกินเฮด มีเจตนารมณ์ต้องการหัวหอก ขนานแท้ที่จะรอปักหลักอยู่ข้างหน้า และถ้าเกิดเล่นลูกกลาง อากาศได้ฉมังก็ยิ่งแจ๋วใหญ่จึงทำให้หวยไปลงที่ดาวยิงทีม เบิร์นลีย์ แม้ว่า ผีแดง จะโดนลือกับศูนย์หน้าเป็นร้อย ๆ ราย

อย่างไรเสีย จากที่มองเห็นใน 45 นาทีแรกที่ เซลเฮิร์สพาร์ค เว็กฮอร์สต์ ออกจะชักช้าเกินไป และไร้สปีดซึ่งทำให้เขาไม่ทันการเล่นเกมรุกที่เร็วจัดของ แมนฯ ยูไนเต็ด สักเท่าไหร่

นอกเหนือจากโอกาสขึ้น โขกที่ไม่ตรงกรอบ สตาร์หน้าใหม่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็แทบทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ดีที่ว่าก่อนจบครึ่งแรกไม่นาน คริสเตียน เอริคเซ่น ตวัดบอลจากกราบซ้ายให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ซัดตุงตาข่ายพา แมนฯ ยูไนเต็ด นำหน้า 1-0 จนถึงได้

ถึงตอนนี้ กองกลางโปรตุกีส จึงยิงประตูในเกม พรีเมียร์ลีก ทั้งยังนัดเหย้าและก็นัดเยือน 20 ลูกเท่ากันแล้ว ซึ่งมีนักฟุตบอลแค่สี่รายที่มีผลงานดีเลิศทัดเทียมกันนับตั้งแต่ แฟร์นันด์ส ประเดิมสนามในเดือนก.พ.2020 ซึ่งประกอบไปด้วย แฮร์รี่ เคน , โม ซาลาห์ และก็ ซน ฮึง มิน

จากนั้นในครึ่งหลัง เว็กฮอร์สต์ ยังได้อยู่ในสนามต่อจนกระทั่งนาทีที่ 70 ก่อนโดนเปลี่ยนออกไป พร้อมด้วย อันโตนี่ ที่ฟอร์มลดน้อยลงทุกที ต่างไปจากช่วงต้นซีซั่นให้ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ กับ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ลงบู๊แทน

กาเซมีโร่ แมนยู

4. เทน ฮาก คิดผิดทำ กาเซมีโร่ โดนแบน?

เป็นเรื่องเกินความคาดหมาย เหมือนกันที่โผ 11 ตัวจริงของ แมนฯ ยูไนเต็ด นัดบุกมาเยี่ยม พาเลซ มี กาเซมีโร่ ออกสตาร์ตทั้ง ๆ ที่เขาสะสมใบเหลืองไปแล้วสี่ใบเนื่องมาจากผู้สันทัดกรณี คาดว่า เทน ฮาก น่าจะเก็บมิดฟิลด์ คนสำคัญพักเอาไว้บู๊กับ อาร์เซน่อล มากกว่า

แล้วก็แล้ว เรื่องที่แฟน ผีแดง ไม่อยากให้เกิดก็เกิดขึ้นจนถึงได้ในช่วงสิบนาทีสุดท้ายเมื่อ กาเซมีโร่ ต้องต้องตัดฟาวล์จังหวะ อันตรายป้องกัน ไม่ให้ วิลฟรีด ซาฮา กระชากบอลเข้าเขตโทษ พร้อมรับใบเหลืองซึ่งจะมีผลให้ดาวเตะแซมบ้า ชวดฟาดเกือกกับ เดอะ กันเนอร์ส ตามแบบแผนอันอาจบอกได้ว่าเป็นการตัดสินใจ ที่ผิดพลาดอีกประเด็นของ เทน ฮาก

อย่างไรก็ดี เกมแรกที่ ผีแดง เปิดบ้านเอาชนะ อาร์เซน่อลได้ 3-1 เทน ฮาก ไม่ได้ส่ง กาเซมีโร่ ออกสตาร์ตเป็นตัวจริง แฟนบอล ผีแดง จึงต้องรอลุ้นกันว่าทีมรัก จะย้ำแค้น จ่าฝูงได้สำเร็จ หรือว่าจะเสียศูนย์ติดต่อกันเป็นนัดที่สอง

ผีแดง แมนยู

5. สถิติที่ แมนยู โดนทำลาย

นับตั้งแต่ออกสตาร์ต ครึ่งหลัง พาเลซ เดินเกมรุกอย่างดุดัน และก็ก่อให้เกิดปัญหาให้กับ ผีแดง เป็นระยะ

กระทั่งเข้าสู่ครึ่งทาง แมนฯ ยูไนเต็ด ดูเหมือนอ่อนระโหยโรยแรง ไม่อาจเก็บครองบอลได้ดีเหมือนช่วงครึ่งแรก และถูกโจมตี ใส่แดนอันตรายมากขึ้นเป็นลำดับ

จนกระทั่งในที่สุดช่วงทดเวลา อาคันตุกะก็เสียเชิงให้กับเจ้าบ้านจนถึงได้เมื่อเสียลูกฟรีคิก ระยะอันตราย แถม ไมเคิ่ล โอลิเซ่ ซัดตุงตาข่ายอย่าง งดงามซะด้วย และส่งผลให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีเวลามากพอที่จะ ควานหาประตูที่สองโดยต้องต้องแบ่งแต้มให้กับ ดิ อีเกิ้ลส์ ไปตามระเบียบ

จากสถิติในครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด ครองบอลได้มากกว่า 63:37% และได้ยิง 10 ครั้ง เข้ากรอบ 3 ครั้ง ขณะที่ พาเลซ ได้ยิง 3 ครั้ง เข้ากรอบ 1 ครั้ง

จากนั้นหลังจบ 90 นาที สถิติฟ้องให้ มีความคิดเห็นว่า ผีแดง ออกอาการปวกเปียก และก็ทำได้เพียงแค่เสมอจนกระทั่งได้ เนื่องจากว่า พาเลซ สบโอกาสสับไกเพิ่มขึ้นรวม 10 ครั้ง รวมทั้งเข้ากรอบ 5 ครั้งซึ่งมีอยู่สองครั้ง มองเห็น ๆ ที่ ดาบิด เด เคอา ต้องโชว์ซูเปอร์เซฟ ขณะที่ทีมเยี่ยมได้ยิงรวม 15 ครั้ง แล้วก็เข้ากรอบน้อยกว่าซะอีกเพียงแค่ 4 ครั้งเท่านั้นแม้เปอร์เซนต์การครองบอลจะยังเหนือกว่า 61:39%

จากคำตอบดังกล่าว ทำให้ทีม ผีแดง แมนยู

เสียสถิติยิงนำก่อนและก็ชนะรวด 100% เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยก่อนหน้านี้พวกเขาชนะมาตลอด 15 นัดในเกม พรีเมียร์ลีก ถ้าหากสามารถขึ้นนำทีมคู่แข่งได้ก่อน

แต่ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น ผลเสมอที่ลอนดอน ทำให้โอกาสลุ้นคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ลดลงไปอย่างน่าเสียดายเนื่องจากพวกเขาไม่อาจลดช่องว่างของคะแนนที่มีกับทีมจ่าฝูงได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยก่อนที่ทั้งสองทีมจะบู๊กันที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ในวันอาทิตย์นี้

“เทน ฮาก” เล็งคว้า 3 แข้งดาวรุ่ง “อาแจ็กซ์”

เทน ฮาก อาแจ็กซ์

สื่ออังกฤษเปิดเผย เทน ฮาก หวังดึง 3 แข้งดาวรุ่งฟอร์มแรกของ อาแจ็กซ์ มาร่วมงานด้วยอีกครั้งที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด มกราคมนี้

ข่าวโคมลอยว่า เอริก เทน ฮากผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องการตัวอดีตลูกทีมมาร่วมงานกันอีกทียังคงมีตลอด โดยล่าสุด เมโทร สื่ออังกฤษรายงานว่าผู้จัดการทีมฟุตบอลชาวฮอลันดา

ยังอยากได้ เยอร์เรียน ทิมเบอร์ เซ็นเตอร์แบ็กวัย 21 ปีที่ผลงานเด่น รวมทั้ง เดวีน เรนช์ แบ็กขวาวัยเพียง 19 ปี ที่เป็นเด็กปั้นของอาแจ็กซ์ รวมทั้ง เคนเนธ เทย์เลอร์ กองกลางวัย 20 ปี ผลิตผลจากอะคาเดมี่เช่นกัน

เป้าหมายของ เทน ฮาก คือต้องการลดอายุเฉลี่ยของทีม เพื่อสร้างขุมกำลังไว้ใช้งานในระยะยาว ซึ่งการมองหาดาวรุ่งที่คุ้นเคย ทำให้ใช้เวลาปรับตัวไม่มากทั้งในและนอกสนาม แต่โอกาสที่ อาแจ็กซ์ จะยอมปล่อยผู้เล่นคนสำคัญไปพร้อมกันเป็นไปได้ยาก

นอกจาก 3 คนนี้แล้ว เทน ฮาก มองดูนักเตะคนอื่นๆในลีกชาวดัตช์ รวมทั้ง มาร์คุส ตูราม หนึ่งในดาวรุ่งฝรั่งเศสที่กำลังได้รับความสนใจจากหลายสโมสรชั้นนำทั่วยุโรป แต่เจ้าตัวยังต้องการอยู่กับ โบรุสเซีย มึนดังเช่นกลัดบัค จนกระทั่งจบฤดูกาล

แมนยู

ใครคือ เยอร์เรียน ทิมเบอร์ ? ว่าที่กองหลังตัวใหม่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด

เอริค เทน ฮาก คือว่าที่ที่ปรึกษาคนใหม่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลหน้า และก็มันก็มีการคาดหมายเอาไว้ว่าน้าแกจะหนีบลูกลูกศิษย์ที่อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ตามมาสบทบที่นี่ด้วย

หนึ่งในคนที่มีข่าวสารด้วยตอนนี้ก็คือ เยอร์เรียน ทิมเบอร์ ดังนั้นเมื่อได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในว่าที่ขุนพลคนใหม่ของ “ปีศาจแดง” วันนี้สิ่งที่ “ขอบสนาม” อยากนำเสนอก็คือการพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับไอ้หมอนี่กันครับ

ประวัติพอสังเขป

เยอร์เรียน ทิมเบอร์ ชื่อเต็ม ๆ คือ เยอร์เรียน ดาวิด นอร์มาน ทิมเบอร์ เกิดวันที่ 17 มิถุนายน ปี 2001 ที่ อูเทร็คท์ ประเทศฮอลแลนด์ เดี๋ยวนี้อายุ 20 ปี ความสูง 179 เซนติเมตร หรือ 5 ฟุต 10 นิ้ว น้ำหนัก 79 กิโลกรัม ถนัดเท้าข้างขวา ประจำการในตำแหน่งกองหลัง เดี๋ยวนี้สังกัดอยู่กับอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ได้สวมเสื้อหมายเลข 2 และก็เป็นผู้เล่นที่มีเอเยนต์อยู่ในเครือของ ฟอร์ซ่า สปอร์ตส์ กรุ๊ป

ฝาแฝด

ไม่ใช่เพียงแค่ เยอร์เรียน ทิมเบอร์ ที่เป็นนักฟุตบอลคนเดียวของของครอบตัว แต่อีกหนึ่งฝาแฝดคลานตามกันมาอย่าง ฮวนเต็น ทิมเบอร์ ก็เดินบนเส้นทางสายลูกหนังเหมือกัน ทั้งคู่ต่างก็เป็นเริ่มต้นความฝันกับ ดีวีเอสยู ตั้งแต่ปี 2006 ก่อนจะย้ายมาปลุกปั้นและก็ยกระดับฝีเท้าตนเองต่อที่ เฟเยนูร์ด ร็อทคุณร์ดัม ในปี 2008 จากนั้นก็มาลงเอยกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในปี 2014

ทั้งยัง เยอร์เรียน และก็ ฮวนเต็น ได้ก้าวขึ้นมาเล่นในทีมสำรองจองอาแจ็กซ์ พร้อมเมื่อปี 2018 โดยรายแรกได้ลงเล่นไป 39 นัด และก็รายหลังได้ลงเล่นไป 40 นัด แต่ทว่าคนที่ดูได้ดิบได้ดีมากกว่าก็คือเจ้า เยอร์เรียน ที่ได้โอกาสกับทีมชุดใหญ่ตั้งแต่ปี 2020 ก่อนที่ 2 ฤดูกาลหลังสุดจะพิสูจน์ตนเองจนกลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีม ได้ลงเล่นไป 70 นัด ยิงได้ 4 ประตู และก็ทำไป 1 แอสซิสต์

ส่วนทาง ฮวนเต็น เป็นผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ เขายังไม่เคยได้โอกาสประเดิมสนามในสีเสื้อ อาแจ็กซ์ชุดใหญ่แม้แต่นัดเดียว ก่อนที่จะถูกขายขาดให้กับ อูเทร็คท์ คู่แข่งร่วมลีกไปเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

ฝาแฝด เยอร์เรียน ทิมเบอร์

ชีวิตในวัยเด็ก

คุณพ่อกับคุณแม่ของ เยอร์เรียน ทิมเบอร์ ต่างก็มีเชื้อสายของ คูราเซา รวมทั้ง อารูบัน มาจากหมู่เกาะ เอบีซี ทางหาดแคริบเบียนของ ฮอลแลนด์ แต่ด้วยปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับคนเป็นพ่อกับคนแม่เป็นอย่าง แมรี่ลิน สมัยที่ เยอร์เรียน ยังเด็กก็เลยทำให้เปลี่ยนมาใช้นามสกุล ทิมเบอร์ ของคุณแม่จนกระทั่งทุกวันนี้ นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่าสมัยยังเด็กไอ้หมอนี่ต้องเจอกับชีวิตที่ยากลำบากมาไม่น้อย

ถึงครอบครัวจะดูไม่สมบูรณ์แบบแต่มันก็ไม่ได้ส่งผลอะไรกับเส้นทางในการเติบโตของเขาแถมยังอยู่ดีสุขกับคุณแม่ที่ต้องเรียกลูก 5 คนเพียงคนเดียว ด้วยเหตุว่าจาก เยอร์เรียน กับ ฮวนเต็ง ที่เป็นแฝดกันแล้ว หารู้ไม่ว่าพวกเขายังมีพี่ชายอีกสามคนนั่นก็คือ ชาเมียร์, คริส และ ดีแลน

ผลงานกับ อาแจ็กซ์

ย้อนกลับไปวันที่ 7 มีนาคม ปี 2020 นั่นคือวันที่ เยอร์เรียน ทิมเบอร์ ได้โอกาสประเดิมสนามเกมแรกในสีเสื้ออาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ชุดใหญ่ซึ่งเป็นนัดที่ต้นสังกัดสามารถเอาชนะ ฮีเรนวีน ไป 2-1 แถมยังได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงด้วย ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามในนาที 82 เพราะเหตุว่ามีปัญหาอาการบาดเจ็บและก็เป็น เอดสัน อัลวาเรซ ที่ได้ลงมาแทนที่

ฤดูกาล 2020-21 เยอร์เรียน ทิมเบอร์ เริ่มได้โอกาสมากขึ้นหลังพิสูจน์ตนเองได้ดี พี่แกได้ลงเล่นไป 30 นัด ทำได้ 1 ประตูซึ่งการเปิดซิงประตูแรกในสีเสื้ออาแจ็กซ์ เกิดขึ้นในวันที่ถล่ม เอมเมน 4-0 และก็จากผลการแข่งขันในวันนั้นก็ทำให้อาแจ็กซ์ ผงาดเถลิงบัลลังก์แชมป์ เอเรดิวิซี่ ฮอลแลนด์ สมัยที่ 35 มาครองได้สำเร็จ

ด้วยวิวัฒนาการที่ดีเยี่ยมที่สุดและก็ผลงานที่ดีคงเส้นคงวามันก็เลยทำให้ เยอร์เรียน ทิมเบอร์ ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทุกนัดในฤดูกาล 2021-22 ทำได้ 3 ประตู รวมทั้งกดไป 1 แอสซิสต์ และก็ตอนนี้ก็กำลังพาอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ครองจ่าฝูงของลีก และมีโอกาสคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 36 ด้วย

สไตล์การเล่น

เยอร์เรียน ทิมเบอร์ เป็นผู้เล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กโดยธรรมชาติ มีความเป็นกองหลังในสมัยใหม่เนื่องจากมีการผสมผสานกันระหว่างความแข็งแกร่งทางกายภาพรวมทั้งความแคล่วคล่องว่องไวยามมีบอลอยู่กับเท้า มีความชำนาญที่ดีในการครองบอล อ่านเกมขาด ตลอดจนการเข้าบอลที่ว่อง พวกสื่อดัง ๆ ต่างก็เอาชื่อของเขาไปเทียบเทียบกับ 2 กองหลังที่ดีที่สุดแห่งยุคไม่ว่าจะเป็น เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ รวมไปถึง เซร์คิโอ รามอส

นอกจากนั้นด้วยความชำนาญทางด้านความกระปรี้กระเปร่าแล้วก็การเคลื่อนที่ได้ดีมันก็เลยทำให้ เยอร์เรียน ทิมเบอร์ สามารถโยกไปยืนเป็นผู้เล่นในตำแหน่งแบ็กกว่าก็เป็นได้ แถมยังมีฟอร์มที่ดีอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นเด็กเก่งและมีความสารพัดประโยชน์มากๆเลยทีเดียว

เยอร์เรียน ทิมเบอร์

ทีมชาติ

อย่างที่เกริ่นว่า เยอร์เรียน มีเชื้อสาย คูราเซา และ อารูบัน เท่ากับว่าเจ้าตัวมีโอกาสเลือกรับใช้ 2 ชาตินี้ได้ แต่ด้วยความที่พี่แกลืมตาดูโลกบนแผ่นดินเนเธอร์แลนด์ก็เลยทำให้เขาตัดสินใจรับใช้ ทีมชาติฮอลแลนด์ ส่วนโอกาสการติดธงครั้งแรกนั้นเกิดขึ้นเมื่อปี 2017 กับรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี

ก่อนจะไล่มา ยู-19 และก็ ยู-21 ในอีก 3 ปีให้หลัง ได้ลงเล่นไปทั้งหมด 24 เกม ทำได้ 2 ประตู ตอนอายุประมาณ20 ปี เยอร์เรียน ทิมเบอร์ เคยได้โอกาสสัมผัสกับถ้วยแชมป์ ยูโร มาแล้ว แต่เป็นกับทีมรุ่นอายุไม่เกิด 17 ปีเมื่อปี 2018 ส่วนโอกาสกับทัพ “อัศวินสีส้ม” ชุดใหญ่นั้น

เจ้าตัวได้ประเดิมสนามในเกมอุ่นเครื่องในเกมที่อุ่นเครื่องกับ สกอตแลนด์ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ปีที่แล้ว แน่นอนว่าสำหรับ เยอร์เรียน ทิมเบอร์ ก็เป็นหนึ่งในขุนพล ทีมชาติฮอลแลนด์ ชุดลุยศึก ยูโร 2020 เช่นกัน ปัจจุบันนี้พี่แกได้โอกาสติดธงไปแล้วทั้งสิ้น 6 นัดด้วยกัน
ทีมที่สนใจ

สื่อในสเปนอย่าง TodoFichajes เคยตีข่าวออกมาว่า 2 ทีมจากเมืองหลวงอย่าง แอตเลติโก มาดริด และก็ เรอัล มาดริด ต่างก็เคยแสดงความสนใจในตัวเจ้า เยอร์เรียน ทิมเบอร์ อย่างไรก็ตามกระแสตอนนี้เสมือนจะหนักไปทาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กำลังจะได้ เอริค เทน ฮาก ไปเป็นนายใหญ่คนใหม่คอยบัญชา ในฤดูกาลหน้า โดย แมนเชสเตอร์ อีฟนิ่ง นิวส์ รวมถึงสื่อดังอีกหลายสำนักค่อนข้างจะมองดูไปในทางเดียวกันว่านี่น่าจะเป็นการเซ็นสัญญารายแรกของ “ปีศาจแดง” เพื่อไปช่วยแก้ไขปัญหา ในแนวรับที่กำลังย่ำแย่ถึงจุดสูงสุด

"นาดาล-ยอโควิช" งานเบาประกบคู่ ออสเตรเลียน โอเพ่น 2023

ออสเตรเลียน โอเพ่น 2023

“แชมป์เก่า” ราฟาเอล นาดาล และก็ โนวัค ยอโควิช เจองานไม่หนัก ในการประเดิม สนามรอบแรก ศึกเทนนิส ออสเตรเลียน โอเพ่น 2023 แกรนด์สแลมแรกขอปี ที่ประเทศออสเตรเลีย

ฝ่ายจัดการแข่งขัน เทนนิสออสเตรเลียน โอเพ่น แกรนด์สแลม แรกของปี ที่ประเทศออสเตรเลีย ได้ทำการจับสลาก ประกบคู่ประจำปี 2023 ปรากฎว่า ในประเภทชายเดี่ยว รอบแรก ราฟาเอล นาดาล มือวางอันดับ 1 ของรายการ แล้วก็แชมป์เก่ารายการนี้จากสเปน เจองานไม่หนัก เมื่อจะประเดิมสนามเจอกับ แจ็ค เดรเปอร์ มือ 40 ของโลก

จากสหราชอาณาจักร ขณะที่ โนวัค ยอโควิช มือ 4 ของรายการจากเซอร์เบีย จะเจอกับ โรเบร์โต้ การ์บาเยส บาเอน่า มือ 75 ของโลกจากสเปน ส่วน แคสเปอร์ รุด มือ 2 ของรายการ จะพบกับ โทมัส มาชาค มือ 115 ของโลกจากสาธารณรัฐเช็ก

โนวัค ยอโควิช

ด้านประเภทหญิงเดี่ยว อิก้า สเวียเท็ก มือ 1 ของโลกจากโปแลนด์ เจองานไม่หนักเช่นกัน เมื่อจะประเดิมสนามพบกับ ยูล นีไมเยอร์ มือ 68 ของโลกจากเยอรมนี ขณะที่ ออนส์ จาเบอร์ มือ 2 ของโลกจากตูนิเซีย เจอกับ ทามาร่า ซิดานเช็ก มือ 88 ของโลกจาก สโลวีเนีย ด้าน ดาเนียลล์ คอลลินส์

รองแชมป์เก่า เมื่อครั้งที่แล้วจากสหรัฐฯ เจอกับ แอนนา คาลินสกาย่า มือ 64 ของโลกจากรัสเซียโนวัค ยอโควิช คว้าแชมป์รายการที่ 92 ในอาชีพ หลังจากชนะ ในศึกเทนนิส แอดิเลด อินเตอร์เนชันแนล 1

เทนนิสเอทีพี ทัวร์ 250 รายการแอดิเลด อินเตอร์เนชั่นแนล (1) รายการอุ่นเครื่องก่อนเข้าศึก ออสเตรเลียน โอเพ่น 2023 ประเภทชายเดี่ยว รอบชิงแชมป์ โนวัค ยอโควิช อดีตมือ 1 ของโลก ที่เดี๋ยวนี้รั้งอันดับ 5 โลก รวมทั้งเจ้าของแชมป์ 21 แกรนด์สแลม เจอกับ เซบาสเตียน คอร์ด้า มืออันดับ 33 ของโลกจากสหรัฐ ปรากฏว่า ยอโควิช มือ 5 ของโลก เป็นฝ่ายชนะไป 2-1 เซต สกอร์ 6-7 (8-10), 7-6 (7-3), 6-4 คว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ รวมทั้งถือเป็นแชมป์ในทัวร์รายการที่ 92 ในอาชีพ พร้อมรับเงินรางวัล ประมาณ 3.2 ล้านบาท

นอกนั้นยังเป็น การเรียกความมั่นใจก่อน ฝ่าออสเตรเลียน โอเพ่น ในอาทิตย์หน้า ที่ยอโควิช เป็นแชมป์มากสุด 9 สมัย หลังจากปีที่แล้ว ไม่ได้ลงเล่นและถูกขับออกนอกประเทศ เนื่องจากว่าไม่ยอมฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19

ราฟาเอล นาดาล

‘นาดาล’ ลั่นร่างกายฟิตปั๋ง พร้อมป้องกันแชมป์ ออสซี่ โอเพ่น

ราฟาเอล นาดาล นักกีฬาเทนนิสมือ 2 ของโลกชาวสเปน เปิดเปิดเผยว่า ในรายการ อุ่นเครื่องที่ประเทศออสเตรเลีย 2 รายการก่อนศึกแกรนด์สแลม “ออสเตรเลียน โอเพ่น” ที่จะเริ่มตันในวันที่ 16 มกราคม ตัวเองยังไม่เล่นได้

ตามมาตรฐานที่เคยเป็น แต่ก็มีความสุขดีกับการจัดแจงก่อนจะไปลุ้นป้องกันแชมป์ ตอนนี้สภาพร่างกายดีมาก ๆ แต่ก็ต้องไปโชว์ ฟอร์มที่ดีในการแข่งขัน เพราะเหตุว่ามีเป้าหมาย ที่จะคว้าแชมป์ให้ได้อีกรอบ

“จากการฝึกแล้วก็แข่งขันเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ทำให้มั่นใจว่าถ้าหากทำได้ดีแบบนี้ ก็มีโอกาสที่จะคว้าแชมป์ได้” นาดาลกล่าว

นักหวดประเทศสเปน กล่าวถึงการที่เป็น พ่อลูกอ่อน และยังต้องแข่งเทนนิส อาชีพ ว่า ต้องปรับตัวกับเรื่องใหม่ ๆ ในชีวิต เพราะว่าเป็นครั้งแรกที่มีลูก ต้องใช้เวลา ในการทำให้ทุกอย่าง กลับมาคงที่เหมือนเดิม แต่คนรอบข้างก็ช่วยให้ก้าวผ่านไปได้ แบบไม่มีปัญหาเลย

นาดาล ยังคงเป็นนักกีฬาเทนนิส ที่คว้าแชมป์แกรนด์สแลม ประเภทชายเดี่ยว ได้มากที่สุด ที่ 22 รายการ รองลงมาเป็นโนวัก โยโควิช มือ 5 ของโลกจากเซอร์เบีย ทำได้ 21 รายการ

ศึกเทนนิสออสเตรเลียน โอเพ่น

เฟเดอเรอร์ หวังลงเล่นคู่ นาดาล ก่อนปิดฉากอาชีพในเลเวอร์คัพ และ ออสเตรเลียน โอเพ่น 2023

โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ เจ้าของแชมป์แกรนด์สแลม 20 รายการ วัย 41 ปี ที่ประกาศจัดเตรียมแขวนแร็กเก็ต หลังจบการแข่งขันเลเวอร์คัพ ที่จะแข่งขันกัน ได้เปิดเผยว่า แม้ เขาได้จับคู่ลงแข่งกับ ราฟาเอล นาดาล ที่เป็นเช่นเดียวกับคู่อริในสนามแข่งขัน ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา จะเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก

เฟดเอ็กซ์ ออกมาเผยในงานแถลงข่าวสารครั้งแรกที่โอทู อารีน่า ว่า การแข่งขันประเภทคู่ในวันศุกร์นี้ จะเป็นครั้งสุดท้าย ที่เขาก้าวลงสนามแข่งขัน ในฐานะนักตีเทนนิสอาชีพ ซึ่งเขาหวังว่าจะได้จับคู่กับนาดาล คู่แข่งขันตลอดกาล เพื่อเป็นสัญลักษณ์ ให้กับวงการเทนนิสว่า คู่แข่งขัน ก็เป็นเพื่อนกันได้”

ศึกเทนนิสออสเตรเลียน โอเพ่น 2023

“สำหรับผมแล้วการลงสนามร่วม กับใครก็ตามนับว่าเป็น สิ่งที่ดีเลิศมาก เพราะเหตุว่าผมไม่ได้ ลงแข่งขัน ในสนามมาเป็นเวลานาน รวมทั้งผมทราบว่านั่น จะเป็นบรรยากาศที่ดี มากกับแฟนคลับในสนาม แต่แน่นอนว่าแม้เป็นนาดาล ผมมีความคิดว่าจะเป็นเรื่องแปลกที่พวกเราจะลงแข่งขันร่วมกันในแมตช์สุดท้ายของผม”

“ผมรู้สึกว่าจะเป็น สถานการณ์ที่แปลกใหม่ หากมันเกิดขึ้นจริง เพราะเหตุว่าพวกเราได้ต่อสู้กันมาตลอด รวมทั้งมีความเคารพ ให้แก่กันมาตลอด ทั้งยังครอบครัว รวมทั้งทีมโค้ช ผมมีความรู้สึกว่าพวกเราเข้ากันได้มาตลอด ส่วนตัวสำหรับเรา ตลอดเส้นทางอาชีพ

ที่ผ่านมาพวกเราได้ต่างเจอกับผลการแข่งขัน ที่แตกต่างกัน แต่ก็ยังสามารถ รักษาความสโมสรที่ดีได้ ผมคิดว่านี่จะเป็นข้อความ ที่ดีที่เราจะบอก ไม่ใช่แค่สำหรับวงการ เทนนิส แต่ในกีฬาชนิดอื่น ๆ หรืออาจจะมากกว่านั้น ซึ่งผมมีความรู้สึกว่าจะเป็นเหตุผล ที่ทำให้แมตช์นี้ยิ่งใหญ่มาก”

ไม่ใช่แค่ชูถ้วยเล่น ๆ !! “กุน” ได้รับเหรียญแชมป์โลกพร้อมเพื่อนอาร์เจนตินา

กุน อเกวโร่

สื่อดังอังกฤษ รายงาน ” กุน อเกวโร่ ” อดีตกองหน้าทีมชาติ อาร์เจนตินา ถูกใส่ชื่อเป็นทีมสตาฟฟ์ ในเกมรอบชิงแชมป์และจะได้รับเหรียญแชมป์โลก

givemesport สื่อดังของประเทศอังกฤษ เปิดเปิดเผยว่า สาเหตุที่ เซร์คิโอ อเกวโร “กุน” อดีตกองหน้าทีมชาติ อาร์เจนตินา สามารถลงไปร่วมฉลองแชมป์โลก กับนักเตะในสนามแข่งขัน รวมถึงชูถ้วยแชมป์โลกร่วม กับทีมได้ เพราะเหตุว่าสมาคม ฟุตบอลอาร์เจนติน่า ได้ใส่ชื่อของเขา เป็นทีมสตาฟฟ์ในเกมรอบชิงแชมป์ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่สามารถร่วมฉลองกับนักเตะได้เท่านั้นกุน ยังได้รับเหรียญรางวัลแชมป์โลก 2022 อีกด้วย

ทั้งนี้กุน ต้องแขวนสตั๊ด ไปเมื่อช่วงปลายปี 2021 ที่ผ่านมา หลังถูกตรวจพบว่า มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ อย่างไรก็ตามเขา ถูกเชิญให้เข้าไปร่วม ในแคมป์ทีมชาติอาร์เจนติน่า ในช่วงก่อนเกมนัดชิงแชมป์ เพื่อมาเป็นสตาฟฟ์โค้ช รวมถึงรูมเมท ของ ลิโอเนล เมสซี่ กัปตันทีม เนื่องมาจากทั้งสองเป็นเพื่อนซี้กัน

กุน อเกวโร่ กับเบื้องหลังในการช่วยอาร์เจนตินาคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก

ถ้าไม่นับ ลิโอเนล เมสซี่ แล้ว นักเตะชาวอาร์เจนตินา ที่ถูกพูดถึงมากที่สุด หลังจบเกมชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 คงหนีไม้พ้น เซร์คิโอ อเกวโร ที่ไม่เพียงแค่จะสร้างสีสัน ด้วยการตีกลองเฉลิมฉลองในสนาม แต่ยังได้รับเกียรติ ให้ชูถ้วยแชมป์โลก ราวกับเป็นหนึ่งในสมาชิก ของทีมชุดนี้ ทั้งยังที่ตัวของอเกวโร ก็ประกาศเลิกเล่นฟุตบอลไปสักพักแล้ว

นี่คือเรื่องราว ของตำนานชาวอาร์เจนตินา อีกหนึ่งคน ที่ถึงแม้จะไม่ได้ร่วมลงสนาม กับเพื่อนร่วมชาติที่กาตาร์ แต่เขาไม่เคยจากทีมไปไหน รวมทั้งยังคงเป็น สมาชิกของทัพฟ้าขาวตลอดมา และนี่คือเรื่องราวของ เซร์คิโอ อเกวโร่ กำลังใจสำคัญ ของทีมชาติอาร์เจนตินาในฟุตบอลโลก 2022

เมสซี่ขี่คอกุน อเกวโร่

ไม่มีกุน ไม่มีเมสซี
ย้อนกลับไปก่อน ทัวร์นาเมนต์ที่กาตาร์ จะเริ่มต้น มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ ว่า ลิโอเนล เมสซี จะลงแข่งขันรายการฟุตบอลโลก 2022 โดยไม่มีเพื่อนร่วมห้อง อย่างที่เคยเป็นมา ซึ่งเหตุผลของการตัดสินใจครั้งนี้คือ

กัปตันทีมหมายเลข 10 ต้องการมุ่งสมาธิ ไปยังฟุตบอลโลกครั้งสุดท้าย ของตัวเองอย่างถึงที่สุด ก็เลยไม่ยอมรับจะร่วมห้องกับรูมมันข้นคนไหนในทีมชุดนี้

อย่างไรก็ตาม เหตุผลโดยความเป็นจริงที่ทุกคน รู้กันดีเกี่ยวกับการเลือกห้องเช่าของเมสซี่ ในบอลโลกหนนี้ คือการหายไปของเพื่อนซี้ เซร์คิโอ อเกวโร่ เพราะว่านับตั้งแต่ศึกโอลิมปิก 2008 เป็นต้นมา เมสซี่ไม่เคย พักร่วมกับนักเตะอาร์เจนตินารายอื่น เว้นแต่อเกวโร่ นั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ทั้งคู่จะสนิทกันมาก กระทั่งเมสซี่ยินยอมให้ อเกวโร่เป็นพ่อทูนหัว ลูกชายของเขา

ทั้งสองต่างร่วม สู้ศึกเพื่อทีมชาติอาร์เจนตินาจนถึงทัวร์นาเมนต์โคปา อเมริกา 2021 ซึ่งการแข่งขัน รายการดังกล่าวจบ ลงด้วยชัยชนะของกองทัพฟ้าขาว นี่คือการคว้าแชมป์ในระดับนานาชาติครั้งแรกของเมสซี่ แถมเจ้าตัวยังกวาด รางวัลดาวซัลโว รวมทั้งนักฟุตบอลดีเลิศของทัวร์นาเมนต์ โดยเบื้องหลังความสำเร็จคราวนั้น อเกวโร่คือผู้ที่ยืน อยู่เคียงข้างเมสซี่เสมอ

การลงเล่นฟุตบอลโลก 2022 โดยมีอเกวโร่เคียงข้าง จึงคงจะสร้างความสบายใจ ให้กับเมสซี่เป็นอย่างมาก แต่น่าเสียดายที่เรื่องราวนั้น เกือบจะไม่เกิดขึ้น หลังอเกวโร่ตัดสินใจ ประกาศแขวนสตั๊ดแบบกระทันหัน เนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพเรื่องโรคหัวใจ เมสซี่ก็เลยต้องเดินทางสู่กาตาร์ โดยปราศจากรูทเมท คนเดิมที่ร่วมห้องกันมาอย่างยาวนานถึง 13 ปี

แต่เมื่อฟุตบอลโลก 2022 เดินทางเข้าใกล้การแข่งขัน นัดชิงชนะเลิศทุกขณะ หากแม้แต่นักฟุตบอล ที่เก่งที่สุดในโลกก็ไม่สามารถรับแรงกดดัน ตามลำพังได้ เขาต้องการสักคนมาอยู่เคียงข้าง แล้วก็รอให้คำปรึกษาในช่วงเวลานอกสนาม

กุน อเกวโร่ เมสซี่

กุน ก็เลยถูกเรียกตัว สู่แคมป์ทีมชาติอาร์เจนตินา

เพื่อเล่นบทบาท “เพื่อนร่วมห้องของเมสซี่” ซึ่งเจ้าตัวเดินทางสมทบ เพื่อนร่วมชาติในทันที โดยไม่แสดงให้มองเห็นถึงความลังเลหากแม้แต่น้อย

รอยยิ้มของเมสซี่ก็เลยกลับมา รวมทั้งชีวิตชีวา ในแคมป์อาร์เจนตินายังคงดำเนินต่อไป อย่างไรก็ดี การมาของอเกวโร่คราวนี้ไม่ได้คืนรอยยิ้มแก่ กัปตันทีมหมายเลข 10 ของทัพฟ้าขาวเท่านั้น แต่มันยังคืนรอยยิ้ม ของอเกวโร่ที่ โบกมือลา โลกลูกหนังอย่างกระทันหัน เมื่อปีก่อนด้วยเหมือนกัน

เคียงข้างทัพฟ้าขาวตลอดมา

ความจริงแล้ว เซร์คิโอ อเกวโร่ ได้รับคำเชิญ ให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง ของทีมชาติอาร์เจนตินา ตั้งแต่ก่อนทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลก 2022 จะเริ่ม แต่เจ้าตัวกลับปฏิเสธคำเชิญนี้ โดยให้เหตุผลว่าเขาอยากสนุกกับการแข่งขัน ที่กาตาร์ในฐานะแฟนบอลมากกว่า

แต่ชีวิตในฐานะแฟนบอล ของอเกวโร่กลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เริ่มด้วยการที่เขาซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางสู่กาตาร์ ก่อนพบว่าบนเครื่อง เต็มไปด้วยแฟนบอลชาวบราซิล ตามมาด้วยการถูกกีดกันไม่ให้เข้าสู่แคมป์ทีมชาติอาร์เจนตินา

เนื่องด้วยสมาคมฟุตบอลจัดเตรียมเอกสารไม่ทัน ทำให้อเกวโร่ ไม่สามารถเข้าแคมป์ได้อย่างถูกต้อง จนอดให้กำลังใจเพื่อนร่วมทีม ก่อนทัพฟ้าขาวพ่ายแพ้แก่ซาอุดิอาระเบีย 1-2

เมื่อเวลาผ่านไป แล้วก็บรรดาทีมงานอาร์เจนตินาเริ่มตระหนักได้ว่า อเกวโร่อาจ เป็นตัวนำโชคของพวกเขา อดีตกองหน้าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จึงถูกเชิญเข้าสู่แคมป์ของอาร์เจนตินาในช่วงก่อนนัดชิงชนะเลิศ โดยเขาจะไม่ทำหน้า ที่เป็นรูมเมท ของเมสซี่เท่านั้น แต่อเกวโร่จะก้าวมาเป็นหนึ่งในทีมสตาฟฟ์ แถมยังลงฝึกกับขุนพลทีมชาติอาร์เจนตินาอีกต่างหาก

หวังป้องกันแชมป์? เมสซี่ ยันแล้วยังไม่เลิกรับใช้แผ่นดินเกิด

เมสซี่

ลิโอเนล เมสซี่ กัปตันทีมชาติ อาร์เจนติน่า ประกาศชัดเจนว่าจะยังรับใช้ชาติถัดไป หลังประสบความสำเร็จพาทีม ฟ้าขาว คว้าตำแหน่ง แชมป์โลก 2022 มาเชยชมจากการพิชิต ฝรั่งเศส ด้วยการดวลลูกโทษตัดสินเมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ธ.ค.

เมสซี่ เคยให้สัมภาษณ์ กับสื่อว่าศึก ฟุตบอลโลก 2022

จะเป็นการร่วมฟาดแข้ง ในรายการนี้ เป็นครั้งสุดท้ายของเขาก่อนบอกลาทีมชาติ เนื่องจากในอีกสี่ปีข้างหน้า เขาจะมีอายุ 39 ปีซึ่งสูงอายุมากเกินไป

อย่างไรก็ดี ดาวเตะทีม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ไม่ได้ระบุชัดว่าจะโบกมือลาทีมชาติ ทันทีหรือไม่หลังสิ้นสุดภารกิจที่ กาตาร์ และล่าสุดเจ้าตัวได้เอ่ยว่าจะยังรับ ใช้แผ่นดินเกิดถัดไป แต่ไม่ชัดเจนว่าเขาหวังพาทีมป้องกันแชมป์ในปี 2026 หรือเปล่า

“ผมยังไม่รีไทร์จากทีมชาติ อาร์เจนติน่า” เมสซี่ เอ่ยกับสื่อหลังจบเกมชิงชนะเลิศดวลกับ แชมป์เก่า

“ผมต้องการเล่นต่อในฐานะแชมป์ พวกเราเหนื่อยกันมาก แต่เราเป็น แชมป์โลก แล้วในตอนนี้”

“ผมต้องการเล่นต่อ ผมไม่อาจขออะไรมากกว่านี้ ได้อีกแล้ว ขอบคุณพระเจ้า ที่มอบทุกอย่างให้ผม”

ลิโอเนล เมสซี่

พร้อมกันนี้เมสซี่ ได้โพสต์ข้อความลงบนอินสตาแกรมด้วยเหมือนกัน

“แชมป์โลก! ผมฝันถึงสิ่งนี้มาหลายหนแล้ว ผมต้องการมันมาก ผมไม่อยากจะเชื่อเลย…”

“ขอบคุณครอบครัวของผมเป็นอย่างสูง รวมทั้งทุกคนที่สนับสนุน ผมซึ่งเชื่อมั่นในตัวพวกเรา”

“พวกเราแสดงให้เห็นอีกทีถึงความเป็นชาว อาร์เจนไตน์ ซึ่งพวกเราต่อสู้ด้วยกัน รวมทั้งเป็นหนึ่งเดียวกันจนกระทั่งประสบความสำเร็จอย่างที่พวกเราตั้งเป้าเอาไว้”

“ขอยกความดี ความชอบ ให้กับนักเตะ ทุกคน มันเป็นการต่อสู้โดยมีความฝันร่วมกันซึ่งเป็นความฝันของชาว อาร์เจนไตน์…พวกเราทำสำเร็จแล้ว!”

ต่อการประกาศดังกล่าวของ เมสซี่มั่นใจว่าเขาอาจรับใช้ชาติถัดไปจนถึงปี 2024 เพื่อป้องกันแชมป์ โกปา อเมริกา ที่ตัวเขาเองประสบความสำเร็จได้แชมป์รายการดังกล่าวเป็นครั้งแรกในชีวิต เช่นเดียวกันเมื่อปี 2021

เข้าทำเนียบตำนาน! เมสซี่แข้งรายที่ 9 สร้างประวัติศาสตร์ลูกหนังโลก

ลิโอเนล เมสซี่กองหน้ากัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา สร้างตำนานกลายเป็นผู้เล่นรายที่ 9 ในหน้าประวัติศาสตร์วงการฟุตบอล ที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รวมทั้ง บัลลงดอร์ ตลอดอาชีพนักฟุตบอล

ดาวเตะวัย 35 ปีซึ่งปัจจุบันนี้โลดแล่นอยู่กับปารีส แซงต์-แชร์กแมง สโมสรในศึกลีก เอิง ฝรั่งเศส ทำสถิติลงเล่นในศึกเวิลด์ คัพ รอบสุดท้ายมากที่สุด 26 เกมแซงหน้า โลธ่าร์ มัทเธอุส ตำนานทีมชาติเยอรมนี

ลิโอเนล เมสซี่ กัปตันทีมชาติ อาร์เจนติน่า

นอกจากนั้น ตำนาน “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า พึ่งจะทำลายสถิติดาวซัลโวสูงสุดของทีมชาติ อาร์เจนตินาในฟุตบอลโลกที่เคยเป็นของ กาเบรียล บาติสตูต้า ด้วยการยิงไปแล้ว 13ประตู

ตอนนี้ เมสซี่ สร้างตำนานบทใหม่ในอาชีพเมื่อนำทัพ “ฟ้าขาว” ผงาดคว้าแชมป์เวิลด์ คัพ 2022 ด้วยการคว่ำ ประเทศฝรั่งเศส ด้วยการดวลจุดโทษชนะ 4-2 หลัง 120 นาทีเสมอ 3-3 ทำให้เขาเข้าทำเนียบนักฟุตบอลรายที่ 9 ที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก, ยูโรเปี้ยน คัพหรือแชมเปี้ยนส์ ลีก แล้วก็ บัลลงดอร์

ทำเนียบนักฟุตบอลอาชีพที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (ยูโรเปี้ยน คัพ) รวมทั้งบัลลงดอร์

1. บ็อบบี้ ชาร์ลตัน

ฟุตบอลโลก 1966 (อังกฤษ); ยูโรเปี้ยน คัพ 1968 (แมนฯ ยูไนเต็ด); บัลลงดอร์ 1966

2. ฟร้านซ์ เบ็คเคนเบาเออร์

ฟุตบอลโลก 1974 (เยอรมันตะวันตก); ยูโรเปี้ยน คัพ 1974, 1975, 1976 (บาเยิร์น); บัลลงดอร์ 1972, 1976

3. แกร์ด มุลเลอร์

ฟุตบอลโลก 1974 (เยอรมันตะวันตก); ยูโรเปี้ยน คัพ 1974, 1975, 1976 (บาเยิร์น); บัลลงดอร์ 1970

4. เปาโล รอสซี่

ฟุตบอลโลก 1982 (อิตาลี); ยูโรเปี้ยน คัพ 1985 (ยูเวนตุส); บัลลงดอร์ 1982

5. ซีเนดีน ซีดาน

ฟุตบอลโลก 1998 (ประเทศฝรั่งเศส); แชมเปี้ยนส์ ลีก 2002 (เรอัล มาดริด); บัลลงดอร์ 1998

6. ริวัลโด้

ฟุตบอลโลก 2002 (บราซิล); แชมเปี้ยนส์ ลีก 2003 (เอซี มิลาน); บัลลงดอร์ 1999

7. โรนัลดินโญ่

ฟุตบอลโลก 2002 (บราซิล); แชมเปี้ยนส์ ลีก 2006 (บาร์เซโลน่า); บัลลงดอร์ 2005

8. กาก้า

ฟุตบอลโลก 2002 (บราซิล); แชมเปี้ยนส์ ลีก 2007 (เอซี มิลาน); บัลลงดอร์ 2007

9. ลิโอเนล เมสซี่

แชมเปี้ยนส์ ลีก 2006, 2009, 2011, 2015 (บาร์เซโลน่า); บัลลงดอร์ 2009, 2010, 2011, 2012, 2015, 2019, 2021

วงการ กีฬาจีน สู่อุตสาหกรรมโลก ฟุตบอลโลก

ฟุตบอลโลก

งวดเข้ามาทุกทีสำหรับแชมป์ ฟุตบอลโลก “กาตาร์ 2022” ที่เต็มไปด้วยความ “พลิกล็อก” แต่ก็เป็นเสน่ห์ให้ผู้คนอยากติดตามชมการแข่งขันกันมากขึ้น …

การเป็นเจ้าภาพของกาตาร์ในคราวนี้ต้อง ฟันฝ่ายอุปสรรค รวมทั้งความท้าทาย ไล่ตั้งแต่หลังการได้รับการ เลือกเฟ้นเป็นเจ้าภาพ ที่มีกลิ่น “เงินใต้โต๊ะ” โชยมาแรง จนถึงทำเอากาตาร์ ถูกครหา รวมทั้งคณะผู้บริหารระดับสูง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของฟีฟ่า (FIFA) ซึ่งเป็นองค์กรจัดงานหลัก โดนสืบสวนในคดีรับสินบน กันมากมาย

ขณะเดียวกัน ช่วงเวลาของการแข่งขันที่ แตกต่างไปจากธรรมเนียมเดิม ที่ปกติจัดในช่วงกลางปี มาเป็นช่วงปลายปีเพื่อหลีกเลี่ยงสภาพอากาศที่ร้อนระอุ ในกาตาร์ในช่วงฤดูร้อน ก็กลายเป็นประเด็นใหญ่ที่สร้างความไม่พอใจกับลีกฟุตบอลของหลายประเทศ โดยยิ่งไปกว่านั้นอย่างยิ่งในยุโรป ที่ต้องปรับเปลี่ยนตารางครั้งใหญ่

หลายลีกดัง ในยุโรปที่เริ่มเปิดฤดูกาลไปในระยะแรก ก็มีนักเตะบาดเจ็บจำนวนมากรวมทั้ง พลาดโอกาสในการร่วม แสดงฝีเท้าที่กาตาร์ในคราวนี้ ขณะที่นักฟุตบอลบางส่วนที่ทีมของตนเข้ารอบลึกก็กังวลใจกับอาการ บาดเจ็บ มากขึ้นหลัง จบการแข่งขันฟุบอลโลก เนื่องจากว่าต้องไปฝ่า ฟุตบอลลีกกันต่อแบบไม่ได้ “พักน่อง” กัน

ขณะเดียวกัน โดยที่กาตาร์ มีอิสลามเป็น ศาสนาประจำชาติ ทำให้มีข้อกฎหมายรวมทั้งธรรมเนียม ปฏิบัติของท้องถิ่น ที่แตกต่างรวมทั้งเข้มงวดกว่าของหลายประเทศ ทำให้ผู้ช่วยเหลือการแข่งขันบางรายก็สูญเสียโอกาสในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของตนที่ขัดกับหลักศาสนา อาทิ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ขณะที่แฟนบอลที่คุ้นเคยกับการ “ซดเบียร์ เชียร์บอล” ก็อาจรู้สึกเสียอารมณ์ไปบ้าง

นอกจากนั้น ผู้จัดงานยังโดนข้อติเตียน เกี่ยวกับประเด็นสิทธิ มนุษยชน ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือ กลุ่มคน LGBTQ และแรงงาน ต่างชาติ ที่เข้ามาทำงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานรวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยว ข้องในกาตาร์ ซึ่งทำให้เกิดการบาดเจ็บรวมทั้งเสียชีวิตของแรงงานนับพันคนอีกด้วย

อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นความท้าทายใหญ่ ของผู้จัดงานก็คือ การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในช่วง 3 ปีหลัง ทำให้การจัดการแข่งขัน “อยู่บนเส้นด้าย” รวมทั้งขาดความแน่นอนอยู่นาน โดยก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์หลายคนยังเกรงว่ากาตาร์จะเจอ “โรคเลื่อน” หรือจำต้องจัดการแข่งขันใน “ระบบปิด” เลยก็มี

ถ้าจำความกันได้ การแข่งขันโอลิมปิก ฤดูร้อนที่โตเกียว รวมทั้งโอลิมปิกฤดูหนาว ที่ปักกิ่ง ซึ่งถือเป็นกิจกรรมด้านกีฬาใหญ่ที่ถูก จัดไปก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา จำเป็นต้องต้องจัดการแข่งขันแบบ “ระบบปิด” ที่เกือบจะไม่มีคนดูในสนาม ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวท้องถิ่นรวมทั้งต่างชาติไม่อาจเดินทางไปร่วมชมการแข่งขันได้ ทำให้การจัดการ แข่งขันลดสีสันรวมทั้งความน่าสนใจไปมาก แถมผู้จัดงานยังสูญเสีย รายได้รวมทั้งโอกาสทางเศรษฐกิจอื่นเป็นจำนวนมหาศาล

หากแม้กระทั่งแขกรับเชิญพิเศษของไทย ท่านหนึ่งที่เดินทางไปร่วมงานที่กรุงปักกิ่งก็ยังบ่นว่า การเข้าร่วมงานในคราวนั้น “ไม่สามารถกระดิกตัวไปไหนได้เลย” โดยใช้เวลาทั้งหมดอยู่ที่โรงแรมที่พักรวมทั้งสนามแข่งขันเท่านั้น ขนาดจะขอแวะเข้าห้องน้ำระหว่างทาง ก็ยังทำไม่ได้ ทำให้ไม่อาจซึมซับ ความงดงามของบ้านเมืองรวมทั้งการต้อนรับของผู้จัดงานได้ดีเท่าที่ควร

กาตาร์ 2022

แต่เมื่อ ฟุตบอลโลก คราวนี้ใกล้เข้ามา

กาตาร์ก็ดูจะ “มากับดวง” กล่าวคือ เชื้อโควิดอ่อนเปลี้ยเพลียแรงลงในช่วงหลัง ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกมีมุมมอง “ที่ต้องอยู่กับโควิด” ทำให้เริ่มคลายล็อก รวมทั้งเปิดให้มีการเดินทางระหว่าง ประเทศกันจนถึงเกือบจะเป็นปกติ แถม “กาตาร์ 2022” ก็ยังเป็นกิจกรรมใหญ่แรกในยุคหลังโควิด

นอกจากการทุ่มเงินขยาย สนามบินระหว่างประเทศฮาหมัด (Hamad International Airport) รถไฟใต้ดิน สนามฟุตบอล รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกที่พรั่งพร้อมอย่างที่คุยกันไปเมื่อคราวก่อนแล้ว เรายังได้เห็นความพยายามของกาตาร์ ในการสั่งสมประสบการณ์จัดการแข่งขันกีฬาระดับระหว่างประเทศมาอย่างสม่ำเสมอในช่วงหลายปีหลัง อาทิ การจัดแข่งขันฟุตบอลเอเชียนคัพ แฮนด์บอลล์ชายโลก รวมทั้งกรีฑาชิงแชมป์โลก

ด้วยจังหวะเวลาที่ดี ดังกล่าว การเตรียมการจัดงาน ที่ดีที่สุด รวมทั้งความมุ่งมั่นทุ่มเทอย่างมุ่งมั่นของกาตาร์ ทำให้แฟนบอลที่รอคอยเวลามานาน ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

จนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา ตั๋วนั่งชมฟุตบอลกว่า 3 ล้านใบได้ ถูกจำหน่ายล่วงหน้าไปแล้ว โดยยิ่งไปกว่านั้นอย่างยิ่งผู้คนในประเทศใกล้เคียงจากซาอุดิอาระเบียรวมทั้งสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ และคอลูกหนังจากบราซิล อาร์เจนตินา สหรัฐฯ เม็กซิโก อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี รวมทั้งโมร็อกโค ที่ทีมชาติของตนเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ใน วงการกีฬาประเมินว่า ฟีฟ่าจะมีรายได้จากการจัดการแข่งขันในคราวนี้มากกว่าเมื่อคราวที่จัดขึ้นที่รัสเซียในครั้งก่อนถึง 5,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

จากข้อมูลดังกล่าว แสดงให้มีความคิดเห็นว่า การเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกของกาตาร์ช่วยสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจในระยะสั้น ทั้งจากการลงทุนก่อสร้างรวมทั้งปรับแก้โครงสร้างพื้นฐานรวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก ซึ่งสร้างงานใหม่ราว 1.5 ล้านตำแหน่ง

สำนักงาน ส่งเสริมการลงทุน แห่งกาตาร์ (Investment Promotion Agency of Qatar) เปิดเผยว่า นับแต่ปี 2010 ที่กาตาร์ได้รับเลือกเฟ้นให้เป็นเจ้าภาพ เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวในอัตราเฉลี่ย 4.5% ต่อปี ขณะที่กระทรวงพาณิชย์รวมทั้งอุตสาหกรรม ของกาตาร์ก็บอกว่า แม้ว่าจะต้องพบเจอกับวิกฤติโควิด ในช่วงหลายปีหลัง แต่โอกาสด้านการค้ารวมทั้งการลงทุนที่เกี่ยวกับการเตรียมการงานรวมทั้งการดำเนินการ จัดฟุตบอลโลกยาวไปจนถึงปี 2023 รวมจำนวน 83 โครงการ

นอกจากนั้น ยังมีสัญญาณเชิงบวกจากการเพิ่มขึ้นของโครงการลงทุน โดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่หลั่งไหลเข้าสู่กาตาร์ในหลากหลายสาขาธุรกิจ อาทิ บริการให้คำปรึกษาทางธุรกิจ การโฆษณา การตลาด รวมทั้งด้านไอที อาทิ ซอฟท์แวร์ ระบบปฏิบัติการ รวมทั้งแอพพลิเคชั่น และฟินเทค รวมทั้งการท่องเที่ยว

ดังเช่น เจ้าพ่อวงการดิจิตัลอย่างกูเกิ้ล (Google) เปิดสำนักงาน ท้องถิ่น คลาวด์ระดับภูมิภาค รวมทั้งศูนย์แห่งความเป็นเลิศ ขณะที่ไมโครซอฟท์ (Microsoft) เจ้าแห่งซอฟท์แวร์ ก็เปิดคลาวด์ระดับภูมิภาครวมทั้งศูนย์นวัตกรรมเพื่อให้บริการลูกค้าท้องถิ่น

ไอไลฟ์ดิจิตัล (iLife Digital) จากสหรัฐฯ ลงทุนตั้งโรงงานผลิตองค์ประกอบอุปกรณ์ไอทีที่เขตฟรีโซนกาตาร์ ซึ่งจะก่อให้เกิดการจ้างงาน 1,500 ตำแหน่ง ส่วนกลุ่มยูที่ปรึกษาความงามส (UBS Group) แห่งประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ก็วางแผนจะเปิดศูนย์ธุรกิจครบวงจรแห่งใหม่ในกรุงโดฮา ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อบริการการเงินดิจิตัลรวมทั้งการพัฒนาเด็กพรสวรรค์ในท้องถิ่น และจะดึงผู้ชำนาญด้านดิจิตัล 200 คนเข้าไปในพื้นที่ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

ลักษณะเดียวกันก็ขยายผลทางเศรษฐกิจถัดไปยังประเทศอื่นในตะวันออกกลาง ทำให้สัดส่วน FDI ในภูมิภาคต่อโลกเพิ่มขึ้นจาก 5% เศษในปี 2019 เป็นกว่า 8% ในปี 2021

ฟุตบอลโลก กีฬาจีน

เมื่อการแข่งขันเริ่ม คิกออฟ

ก็ทำให้เกิดการขยายตัวของการท่องเที่ยว รวมทั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้อง แบรนด์แฟรนไชส์โรงแรมชั้นแนวหน้าอย่างฮิลตัน (Hilton) มาร์ริออต (Marriott) รวมทั้งเซ็นทารา (Centara) ของไทยที่ได้เข้าไปลงทุนรวมทั้งขยายบริการในกาตาร์ในช่วงหลายปีหลัง ก็คาดว่าจะมีแฟนบอลจองห้องพักเต็มตลอดการแข่งขัน

รวมทั้งมาถึงวันนี้ การเป็นเจ้าภาพของกาตาร์ก็ผ่านไปด้วยดี ได้รับความชื่นชมจากแขกรับเชิญพิเศษ แฟนบอล รวมทั้งสื่อมวลชนทั่วโลก ซึ่งจะช่วยให้ชาวโลกรู้จะกาตาร์มากขึ้น รวมทั้งเสริมสร้างชื่อผ่านการเป็นเจ้าภาพ “จัดงานใหญ่”

ประเทศในภูมิภาคต่างคาดหวังว่า “พลังละมุน” ในคราวนี้จะ “{ทรงพลัง” รวมทั้งช่วยเพิ่มประโยชน์ทางเศรษฐกิจในระยะยาว หลายประเทศยังต้องการสร้าง “จุดขายใหม่” ในด้านธุรกิจบริการด้านการท่องเที่ยว การกีฬา รวมทั้งการรักษาพยาบาลในเวทีระหว่างประเทศเพื่อนำไปสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยเตรียมสานต่อกระแสดังกล่าวผ่านกิจกรรมมากมาย

อาทิ อาบูดาบี บาห์เรน รวมทั้งซาอุดิอาระเบีย เตรียมเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันรถยนต์สูตร 1 (Formula One) ทัวร์นาเมนต์กอล์ฟระหว่างประเทศที่อาบูดีบี เทนนิสที่ดูไบ รวมทั้งอี-สปอร์ตในหลายประเทศในภูมิภาค โดยใช้สื่ออัล จาซีรา (Al Jazeera) ของกาตาร์ ที่พัฒนาขึ้นเป็นศูนย์กลางสื่อของโลกอาหรับช่วยประโคมข่าวสาร

นักวิเคราะห์ของ PWC ยังประเมินไว้ว่า วงการกีฬาในตะวันออกกลางจะขยายตัวถึง 8.7% ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า เทียบกับอัตราเฉลี่ยของโลกที่ 3% นอกจากนั้น กาตาร์ยังเตรียมสานต่อกระแสดังกล่าวผ่านการเป็นเจ้าภาพเอเชี่ยนเกมส์ในปี 2030 แต่ “การพนันครั้งใหญ่” ดังกล่าวจะเกิดคุ้มค่าการลงทุนรวมทั้งก่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจอื่นในระยะยาวหรือไม่ อย่างไร เป็นคำถามที่รอคำตอบ

ครั้งหลังผมจะเชื้อเชิญคุยเรื่องการเป็นผู้ช่วยเหลือ “กาตาร์ 2022” ของแบรนด์จีนที่ตามมาด้วย “ควันหลง” …

“กาตาร์” รื้อถอนสนาม974 หลังเกม “บราซิล-เกาหลี”

กาตาร์

เกมคู่ระหว่างบราซิล เจอ เกาหลีใต้ เมื่อคืนที่ผ่านมา คือเป็นเกมสุดท้ายที่จะใช้งาน 974 สเตเดียม 1 ใน 7 สนามที่ กาตาร์ สร้างขึ้นสำหรับ ฟุตบอลโลกในศึกฟุตบอลโลก 2022 ก่อนที่สนามแห่งนี้ จะถูกรื้อถอนและนำวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ส่งต่อให้ประเทศที่ต้องใช้อุปกรณ์พวกนั้นถัดไป

สำหรับ 974 สเตเดียม คือสนามกีฬาชั่วคราวแห่งแรก ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก ที่สร้างมาจากตู้คอนเทนเนอร์ จำนวน 974 ตู้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงประวัติศาสตร์การ เดินเรือของกาตาร์

นอกนั้นยังเป็นการประหยัด เงินลงทุน และรักษาสภาพแวดล้อมเนื่องจาก 974 สเตเดียม เป็นสนามที่ไม่ติดเครื่องปรับอากาศ โดยจะใช้แข่งขันในช่วงเย็นจนกระทั่งค่ำเท่านั้น ซึ่งตามรายงานก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาบอกว่า กาตาร์ประเมินแล้วว่า จะไม่สร้างสนามใหญ่โต เนื่องจากต้องใช้งบประมาณในการดูแลจำนวนมาก

หลายคนอาจตั้งตารอ ‘การแข่งขันฟุตบอลโลก’ หรือ ‘FIFA World Cup’ ประจำปี 2022 ที่มีกาตาร์เป็นประเทศเจ้าภาพ ซึ่งกาตาร์ถือเป็นประเทศแรกในตะวันออกกลางที่ได้เป็นผู้จัดการแข่งขันฟุตบอลระหว่างประเทศโปรแกรมนี้ อีกหนึ่งความพิเศษที่หลายฝ่ายให้ความสนใจก็คือ ‘สเตเดียม’ ที่สามารถถอดประกอบได้และยังประหยัด พลังงานในการก่อสร้างด้วย

จุดประสงค์ของการออกแบบก็เพื่อลดเงินลงทุน ลดขยะจากการก่อสร้าง รวมทั้งประหยัด เวลาในการก่อสร้างด้วย มากไปกว่านั้น ทางผู้ออกแบบยัง เปิดเปิดเผยว่า การสร้างสเตเดียมแห่งนี้ สามารถลดการใช้น้ำได้มากถึง 40% เมื่อเทียบกับการก่อสร้างสนามกีฬาทั่ว ๆ ไป Stadium 974 จึงกลายเป็นสนามกีฬาที่ทั้งยังรักษ์สภาพแวดล้อมและประหยัดพลังงานด้วย

สนาม974

ตู้คอนเทนเนอร์ที่ กาตาร์ ใช้ส่วนใหญ่นั้น

ถูกใช้เพื่อสร้างส่วนต่าง ๆ ด้านนอกสนามกีฬา แต่ก็มีบางตู้ที่ประกอบไปด้วยบันได ร้านขายของขนาดเล็ก รวมไปถึง ส้วม เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่แฟนบอลที่จะเข้าชมการแข่งขัน ส่วนรูปทรง และช่องว่างระหว่างที่นั่งยังช่วยทำให้อากาศระบายได้ตามธรรมชาติ โดยไม่จำเป็นต้องต้องใช้เครื่องปรับอากาศ เนื่องจากมีลมจากทะเลที่อยู่ใกล้ ๆ ช่วยทำให้ความเย็น

สำหรับชื่อของสเตเดียมนั้นมีความหมายแอบแฝงอยู่ ตัวเลข ‘974’ เป็นรหัสโทรศัพท์ ระหว่างประเทศของ กาตาร์ และยังเป็นจำนวนตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมดที่ใช้ก่อสร้างสถาปัตยกรรมแห่งนี้ โดยในจำนวนนี้ หลายตู้ถูกใช้ เพื่อขนส่งวัสดุก่อสร้างมายังพื้นที่และถูกนำมาใช้งานต่อ นอกเหนือจากนั้น ตู้คอนเทนเนอร์ ยังเป็นสัญลักษณ์เพื่อแสดงถึง ประวัติศาสตร์การเดินเรือและมรดกทาง อุตสาหกรรมของกาตาร์อีกด้วย

Stadium 974 คือหนึ่งในสนามกีฬาที่จะใช้จัดการแข่งขัน FIFA World Cup 2022 ที่นี่จะถูกใช้จัดการแข่งขันทั้งหมด 7 นัด ซึ่งรวมทั้งนัดแรกที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2022 ด้วย โดยหลังจากจบการแข่งขันในปี 2022 สนามกีฬาแห่งนี้จะถูกรื้อและนำไปประกอบในสถานที่ใหม่ หรืออาจดัดแปลงเป็นสถานที่จัดงานขนาดเล็กสำหรับจุดประสงค์อื่น ๆ

ด้านคณะกรรมการสูงสุดของการแข่งขัน FIFA World Cup Qatar 2022 (SC) บอกว่า Stadium 974 ที่โดดเด่นแห่งนี้จะเป็นสัญลักษณ์แห่งความยืนนานและนวัตกรรมที่น่าภูมิใจ และยังหวังว่าโปรเจกต์นี้จะเป็น ‘พิมพ์เขียวด้านนวัตกรรม’ ในการออกแบบสเตเดียมที่ยืนนานมากขึ้นสำหรับจัดกิจกรรมใหญ่ๆในอนาคต

เต็งแชมป์ไม่ไว้หน้า! บราซิล มาตามนัดอัด เกาหลีใต้ ลิ่ว 8 ทีมดวล โครเอเชีย

“เซเลเซา” ผลงานสมราคา เต็งแชมป์ รวมพลังเรียงตัวทุบ “เกาหลีใต้” 4-1 โดยเกมนี้ เนย์มาร์ คืนสนามซัด 1 ตุงจ่อขยับสถิติทาบ เปเล่ พาทีมลอยลำเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ดวล โครเอเชีย วันที่ 9 ธ.ค. นี้ ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีมสุดท้าย คืนวันจันทร์ที่ผ่านมา

สนาม : สเตเดี้ยม 974

การแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีมสุดท้ายที่ กาตาร์ ประจำวันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม 2565 บราซิล เต็งแชมป์ เจอ เกาหลีใต้ ตัวแทนจาก เอเชีย

บราซิล ของเทรนเนอร์ ติเต้ ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายมาได้ด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม จี โดยเกมล่าสุดแพ้ให้กับ แคเมอรูน มา 0-1 ทางด้าน เกาหลีใต้ ของเทรนเนอร์ เปาโล เบนโต้ พลิกล็อคเอาชนะ โปรตุเกส 2-1 ทำให้พวกเขาผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วยการเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม เอช

เปิดฉากครึ่งแรกเพียงแค่ 7 นาที บราซิล ทะยานออกนำ 1-0 จากจังหวะขึ้นเกมทางขวา ราฟินญ่า พาแหวกเข้าเขตโทษหักเข้าในหลุดมาเสาไกลถึง วินิซิอุส จูเนียร์ ล่อเป้าแบบไร้ตัวประกบผ่าน คิม ซึง-กิว ตุงตาข่าย

นาทีที่ 11 “เซเลเซา” ขยับหนีเป็น 2-0 จากความผิดพลาดของ จอง วู-ยอง เสียท่าโดน ริชาร์ลิซอน สอดมาฉกบอลกลายเป็นหวดโดนคนเสีย จุดโทษ และเป็น เนย์มาร์ ทำหน้าที่สังหารเข้าไปอย่างเยือกเย็น

6 นาทีต่อมา “โสมขาว” ออกหมัดบ้าง ฮวาง ฮี-ชาน เก็บบอลหน้าเขตโทษฝั่งซ้ายโยกเข้าในลองปั่นด้วยขวาระยะร่วม 30 หลาโค้งหวิด เสียบใต้คานติดปลายมือ อลิสซง เบ็คเกอร์ นิดนึง

ต่อมานาทีที่ 29 บราซิล ยำเพิ่มเป็น 3-0 จากจังหวะประสานงานสุดสวย กาเซมีโร่ ขยับมาเชื่อมบอลหน้ากรอบ 18 หลาเบิ้ลเร็วคืนให้ ริชาร์ลิซอน หลุดกับดักล้ำหน้าแปสวนตัว คิม ซึง-กิว ตุงตาข่ายงามหยด

นาทีที่ 36 ประตูที่ 4-0 มาตามนัดโอกาสนี้เป็น วินิซิอุส จูเนียร์ ตามมาเก็บบอลในเขตโทษฝั่งซ้ายดึงจังหวะยกบอลข้ามมาให้ ลูคัส ปาเกต้า สอดมาชาร์จกระดอนพื้นซุกหน้าต่างเสาไกลไม่พลาด

ช่วงทดเจ็บ “เซเลเซา” ขับเคลื่อนไม่มีผ่อน ราฟินญ่า เก็บบอลหน้าเขตโทษฝั่งขวายกถึงแม้ว่าจะ ลูคัส ปาเกต้า สอดมาหน้ากรอบ 6 หลาดีดไปตรงตัว คิม ซึง-กิว ตบทิ้งออกมาได้ทัน

นาทีที่ 45+4 ริชาร์ลิซอน หลุดเดี่ยวขึ้นมาจากครึ่งสนามกระชากเข้าเขตโทษฝั่งขวาซัดไปติดเท้า คิม ซึง-กิว เด้งเข้าทาง เนย์มาร์ ซ้ำไม่ทันปลิ้นข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

หมดครึ่งเวลาแรก บราซิล 4 เกาหลีใต้ 0

เริ่มครึ่งหลัง “โสมขาว” ยังเมาหมัดเสียบอลพื้นที่อันตรายสุดท้ายเป็น ราฟินญ่า พาแตะต้องเข้าเขตโทษฝั่งขวาโยกเข้าซ้ายข้างถนัดแต่ซัดไม่เต็มเบาเข้ามือ คิม ซึง-กิว

นาทีที่ 47 เกาหลีใต้ พลาดโอกาสทองจากบอลยาวทางซ้าย มาร์กินญอส เสียท่าโดน ซน ฮึง-มิน ปาดหน้ามาเก็บก้มปั่นด้วยขวาติดแขน อลิสซง เบ็คเกอร์ ออกมาเร็วเซฟไว้ได้ทัน

ต่อมานาทีที่ 54 “เซเลเซา” เฉียดบวกสกอร์เพิ่ม ราฟินญ่า สอดมารับบอล ในเขตโทษฝั่งขวาตัดเข้าซ้ายดึงได้ช่องแป แหวกบล็อคแนวรับ เกาหลีใต้ ติดเซฟ คิม ซึง-กิว ล้มไปล้วงออกมาไม่น่าเชื่อ

60 นาทีผ่าน เนย์มาร์ โชว์ท่าทางโดนหวดช่วยทีมได้ลูกฟรีคิกระยะอันตรายหน้าเขตโทษฝั่งซ้ายก่อนมีน้ำใจให้ ราฟินญ่า ทำหน้าที่ปั่นแฉลบบล็อคโค้งหลุดเสาแรกไม่ไกล

2 นาทีต่อมา เนย์มาร์ พยายามปั้นน้องเต็มที่เก็บบอลทางซ้ายตัดเข้าในแทงข้ามมาให้ ราฟินญ่า เก็บในเขตโทษดึงเข้าขวาตะบันสุดแรงยัดเสาแรกก็ยังไม่ผ่าน คิม ซึง-กิว

นาทีที่ 69 จากจังหวะครอสทางซ้ายบอลโค้งเข้าเขตโทษติดหัวแนวรับ บราซิล โขกสกัดไม่ดีกลายเป็นตั้งให้ ฮวาง ฮี-ชาน หวดสวนตูมเดียวติดเซฟ อลิสซง เบ็คเกอร์ ปัดเข้าทาง ซน ฮึง-มิน ตามซ้ำก็ยังติดบล็อค มาร์กินญอส

ต่อมานาทีที่ 76 “โสมขาว” ตีไข่แตก 4-1 จนได้เป็นลูกฟรีคิกทางฝั่งขวาบอลลอยไปติดหัว กาเซมีโร่ โขกสกัดย้อนมาเข้าทาง เพค-ซึงโฮ หวดสวนด้วยซ้ายระยะร่วม 20 หลาแฉลบ ติอาโก้ ซิลวา พุ่งเสียบเสาแรกงามหยด

10 นาทีสุดท้าย เกาหลีใต้ เกือบไล่มาอีกลูกจากบอลยาวทิ้งให้ โช กยู-ซอง โฉบเอาชนะแนวรับ หลุดเข้าเขตโทษฝั่งขวาซัดล่อเป้าติดเซฟ อลิสซง เบ็คเกอร์ ก่อนถูกจับ ล้ำหน้า

หลังจากนั้นไม่มีสกอร์เพิ่ม จบเกม บราซิล 4 เกาหลีใต้ 1

 

กาตาร์สนาม974

รายชื่อนักเตะที่ลงสนาม

บราซิล (4-1-2-3) : อลิสซง เบ็คเกอร์ (เวเวอร์ตัน น.80) – เอแดร์ มิลิเตา (ดานี่ อัลเวส น.63), มาร์กินญอส, ติอาโก้ ซิลวา, ดานิโล (เกลย์สัน เบรเมอร์ น.72) – กาเซมีโร่ – ลูคัส ปาเกต้า, เนย์มาร์ (โรดริโก้ โกเอส น.80) – ราฟินญ่า, ริชาร์ลิซอน, วินิซิอุส จูเนียร์ (กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ น.72)

เกาหลีใต้ (4-2-2) : คิม ซึง-กิว – คิม มุน-ฮวาน, คิม มิน-แจ, คิม จีซู (ฮอง ชุล น.46), อี แจ-ซอง (อี คัง-อิน น.74) – จอง วู-ยอง (ซอน จุน-โฮ น.46), ฮวาง อิน-บอม (เพค-ซึงโฮ น.65), ฮวาง ฮี-ชาน – ซน ฮึง-มิน – โช กยู-ซอง (ฮวาง อุย-โจ น.80)

ผู้ตัดสิน : เคลม็องต์ ตูร์แปง (ฝรั่งเศส)

รอดู!บีบีซีเปิดโปง แมนยู อาจได้ผู้ครอบครองใหม่ก่อนจบซีซั่นนี้

แมนยู

บีบีซี สื่อของอังกฤษ ตีข่าวสาร หากตระกูลเกลเซอร์คิดที่จะขาย แมนยู แล้วนั้น “ปีศาจแดง” ก็อาจจะได้เจ้าของทีมรายใหม่ก่อนจบซีซั่นนี้เลย โดยครอบครัวนักธุรกิจชาวอเมริกันต้องการได้ข้อเสนอที่สูงกว่ามูลค่าของทีมในตลาดหุ้นแบบมากสุดๆด้วย
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรดังของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อาจจะได้เจ้าของทีมรายใหม่ก่อนจบฤดูกาลนี้หากตระกูลเกลเซอร์ต้องการขายทีมไปเลย ตามรายงานของ บีบีซี สื่อชั้นแนวหน้าของเมืองผู้ดี

เมื่อช่วงไม่กี่วันก่อนตระกูลเกลเซอร์ ซึ่งเป็นเจ้าของทีม แมนฯ ยูไนเต็ด

ประกาศเองว่าพวกเขาพร้อมพิจารณายุทธศาสตร์ทางธุรกิจด้านอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือกันแบบทั่วไป, การขายหุ้นบางส่วน ไปจนถึงการขายขาดทีมไปเลย ซึ่งกระแสข่าวสารจำนวนมากพูดว่าอันหลังสุดมีความเป็นไปได้มากที่สุด

ทั้งนี้ มันไม่มีการกำหนดกรอบเวลาว่ากระบวนการต่าง ๆ ต้องเสร็จสิ้นเมื่อไร แต่ล่าสุด บีบีซี พูดว่าถ้าหากเกิดตระกูลเกลเซอร์อยากขายขาดทีมไปเลยนั้น มันก็คงจะเกิดขึ้นภายในช่วงฤดูใบไม้ผลิ โดยพวกเขาจะยอมขายเมื่อได้ราคาที่สมน้ำสมเนื้อเท่านั้น ซึ่งคาดกันว่าตัวเลขดังกล่าวจะต้องสูงกว่ามูลค่าในตลาดหุ้นของ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยตอนนี้ราคาในตลาดหุ้นของ “ปีศาจแดง” อยู่ที่ 3.05 พันล้านปอนด์ (ประมาณ 128,100 ล้านบาท)

โอลด์แทรฟฟอร์ด

เป็นที่เช้าใจกันว่าเจ้าของทีมรายใหม่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด จำเป็นจะต้องต้องรีบออกทุนทำการบูรณะสนามด้วย หลังจาก โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มีสภาพเสียมาพักหนึ่งแล้ว

โอลด์แทรฟฟอร์ด (อังกฤษ: Old Trafford) เป็นสนามกีฬาฟุตบอลในเมืองโอลด์แทรฟฟอร์ด (เกรตเตอร์แมนเชสเตอร์) ประเทศอังกฤษ และก็เป็นสนามเหย้าของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในพรีเมียร์ลีก มีจำนวนความจุ 74,140 ที่นั่ง21 โอลด์แทรฟฟอร์ดเป็นสนามกีฬาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาสโมสรในสหราชอาณาจักร โดยเป็นสนามกีฬาฟุตบอลขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 (รองจากสนามกีฬาเวมบลีย์) และก็ใหญ่เป็นอันดับที่ 8 ในทวีปยุโรป3 และก็เป็นสนามกีฬาขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 สนามแห่งนี้อยู่ห่างจากโอลด์แทรฟฟอร์ดคริกเกตกราวนด์ 0.5 ไมล์ (800 เมตร) และก็อยู่ติดกันกับป้ายรถราง

สโมสรฟุตบอล แมนยู ( Manchester United Football Club)

เป็นสโมสรฟุตบอลตั้งอยู่ที่โอลด์แทรฟฟอร์ดในเกรเทอร์แมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เดี๋ยวนี้แข่งขันในพรีเมียร์ลีกซึ่งเป็นลีกสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษ สโมสรมีสมญานาม “ปีศาจแดง” ก่อตั้งในชื่อสโมสรฟุตบอลนิวตันฮีตแอลวายอาร์ใน ค.ศ. 1878 ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดใน ค.ศ. 1902 และก็ย้ายไปเล่นที่สนามเหย้าเดี๋ยวนี้อย่างโอลด์แทรฟฟอร์ดใน ค.ศ. 1910

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเป็นหนึ่งในสโมสรที่ชนะเลิศถ้วยรางวัลมากที่สุดในฟุตบอลอังกฤษ5 โดยชนะเลิศลีก 20 สมัย ซึ่งเป็นสถิติสูงสุด, เอฟเอคัพ 12 สมัย, ลีกคัพ 5 สมัย และก็เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ 21 สมัย ซึ่งก็เป็นสถิติสูงสุดเหมือนกัน ยูไนเต็ดยังชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 3 สมัย, ยูฟ่ายูโรปาลีก 1 สมัย, ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ 1 สมัย, ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 1 สมัย, อินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ 1 สมัย และก็ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 1 สมัย โดยในฤดูกาล 1998–99 สโมสรกลายเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษที่คว้าทริปเปิลแชมป์ระดับทวีปยุโรป6 และก็ในฤดูกาล 2016–17 หลังจากที่ชนะเลิศยูฟ่ายูโรปาลีก พวกเขากลายเป็นหนึ่งในห้าสโมสรที่ชนะเลิศการแข่งขันรายการหลักของยูฟ่าครบทั้งยังสามรายการ

เกรตเตอร์แมนเชสเตอร์

ต่อมาใน ค.ศ. 1968 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดกลายเป็นสโมสรฟุตบอลแรกของอังกฤษที่ชนะเลิศยูโรเปียนคัพภายใต้การคุมทีมของแมตต์ บัสบี ต่อมาอเล็กซ์ เฟอร์กูสันพาทีมชนะเลิศถ้วยรางวัล 38 ใบในฐานะผู้จัดการทีม ซึ่งรวมพรีเมียร์ลีก 13 สมัย, เอฟเอคัพ 5 สมัย และก็ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2 สมัยในระหว่าง ค.ศ. 1986 ถึง 2013 ซึ่งเป็นปีที่เขาประกาศเกษียณตนเอง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่มีผู้ผลักดันและสนับสนุนมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก1011 และก็มีสโมสรคู่ปรับคือ ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ซิตี, อาร์เซนอล และก็ลีดส์ยูไนเต็ด

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเป็นสโมสรฟุตบอลที่มีรายได้สูงที่สุดในโลกในฤดูกาล 2016–17 ด้วยรายได้ต่อปีเป็นจำนวน 676.3 ล้านยูโร12 และก็เป็นสโมสรที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับที่สามของโลกใน ค.ศ. 2019 เป็นมูลค่า 3.15 พันล้านปอนด์ (3.81 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)13 ณ ค.ศ. 2015 สโมสรเป็นเครื่องหมายการค้าฟุตบอลที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก คาดว่ามีมูลค่า 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ1415 หลังจากที่ได้มีการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนเมื่อ ค.ศ. 1991 สโมสรได้กลับมาเป็นบริษัทเอกชนจากการที่มัลคอม เกลเซอร์ซื้อกิจการเมื่อ ค.ศ. 2005 ด้วยมูลค่าเกือบ 800 ล้านปอนด์ ซึ่งเงินที่ถูกกู้กว่า 500 ล้านปอนด์นี้กลายเป็นหนี้ของสโมสร16 และก็ตั้งแต่ ค.ศ. 2012 หุ้นบางส่วนของสโมสรถูกเสนอขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก หากว่าตระกูลเกลเซอร์จะยังคงมีบทบาทเป็นเจ้าของและก็ควบคุมสโมสร

แฟนบอลโอด กาตาร์ติดแอร์ในสนามกีฬา ฟุตบอลโลก 2022 เย็นฉ่ำขนาดนี้ เกินไปไหม

ฟุตบอลโลก

ฟุตบอลโลก 2022 เจอเสียงบ่นจากแฟนบอล ไอเดียติดแอร์ในสนาม ทุ่มเป็นร้อยล้าน แต่ผลที่ได้จะเกินไปแล้ว เชียร์ไปสั่นไป มันจะหนาวเกินไปไหม

ในช่วงเวลาที่แฟนบอลทั่วโลกต่างก็ร่วมลุ้นรวมทั้งเชียร์ทีมโปรดในศึก ฟุตบอลโลก 2022 กันอย่างกระปรี้กระเปร่า เจ้าภาพอย่างกาตาร์ ก็ได้ทุ่มงบประมาณหลายร้อยล้าน ติดตั้งแอร์ภายในสนามแข่งเพื่อแก้ปัญหาสภาพอากาศสุดโหดแก่บรรดานักเตะ ที่ต้องมาแข่งขันกันกลางทะเลทรายที่มีอุณหภูมิสูงจัด

อย่างไรก็ตาม ไอเดียการติดแอร์ในสนามแข่งนั้นได้กลายมาเป็นปัญหาที่ทำเอาแฟนบอลพร่ำบ่นกันซะอย่างนั้น โดยเว็บไซต์เดลี่เมล แถลงการณ์ว่า มีแฟนบอลจำนวนไม่น้อยต้องนั่งสั่นเทิ้มในสนามกีฬา พร้อมบ่นว่าอุณหภูมิในสนามนั้นจะหนาวเกินไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่างยิ่งในเกมการแข่งขันช่วงเย็น ที่อุณหภูมิของทะเลทรายลดลงจาก 30 องศาเซลเซียส เหลือแค่ 19 องศาเซลเซียส

รวมทั้งนั่นก็เลยเกิดเป็นภาพของแฟนบอลบางคน ที่ต้องสวมเสื้อกันหนาวระหว่างนั่งเชียร์การแข่งขัน ถึงแม้แต่แฟนบอลฝั่งเจ้าภาพอย่าง ไฟซัล ราซีด ก็ยังเปิดใจยอมรับว่า “เอาจริงๆนะ มันหนาวเกินไป”

ไอเดียติดแอร์ในสนาม

ด้าน มาริโอ ซานเชส แฟนบอลจากสหรัฐฯมาชม ฟุตบอลโลก

ชี้ว่า “มันหนาวจริงๆนะ เป็นเพราะเหตุว่ามีลมแรงมาก”

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้แฟนบอลหลาย ๆ คนอาจจะต้องสวมเสื้อกันหนาว นั่งเชียรอยู่บนอัฒจันทร์ แต่สำหรับ จอร์แดน พิกฟอร์ด ผู้รักษาประตูทีมชาติอังกฤษ กลับบอกว่าอันที่จริงแล้วสภาพอากาศแบบนี้ เหมาะสมแล้วสำหรับผู้เล่นในสนาม เขายอมรับว่าถ้าอยู่บนอัฒจันทร์ ก็คงจะหนาวไป แต่สำหรับผู้เล่น แล้วนี่เป็นอุณหภูมิที่สมบูรณ์แบบสุด ๆ

บอลโลกไม่รักษ์โลก? ศึก World Cup ในเมืองทะเลทราย ปัญหาหินสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน

นับตั้งแต่ฟีฟ่าประกาศให้ประเทศกาตาร์เป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 มีข้อกังขาเกิดขึ้นมากมาย

เมื่อกาตาร์ประกาศต้อนรับทุกคนอย่างเท่าเทียม ในประเทศซึ่งสถานะรักร่วมเพศยังเป็นเรื่องผิดกฎหมาย มีแรงงานอพยพนับพันคนเสียชีวิตจากงานก่อสร้าง หรือประเด็นแฟนบอลไม่สามารถหาซื้อแอลกอฮอล์ได้

แต่ประเด็นที่กำลัง ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง มากที่สุด คือการให้คำมั่น สัญญา ต่อประชาคมโลก ว่าจะจัดการแข่งขันฟุตบอลที่ “เป็นกลางทางคาร์บอน ครั้งแรกในประวัติศาสตร์”

แต่หลังจากผ่านการเปิดสนามมาเพียงไม่กี่วัน คำตอบจากองค์กร ด้านสิ่งแวดล้อม ต่างตะโกนเป็นเอกฉันท์ว่า “ทำไม่ได้อย่างที่บอกแน่นอน”

ก่อนหน้านี้ ฟีฟ่าประเมิน ว่าการจัดบอลโลกปีนี้ จะผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 3.6 ล้านตัน ซึ่งมากกว่า บอลโลกที่ รัสเซียในปี 2018 ถึง 2 เท่า หรือเทียบเท่ากับ การปล่อยคาร์บอน ของประเทศคองโกทั้งยังปี

แต่จะมีกระบวนการชดเชยคาร์บอน (Carbon Offset) โดยการซื้อคาร์บอนเครดิตจาก Global Carbon Council รวมทั้งเงินที่ใช้จ่ายจะถูกนำไปหมุนเวียน ต่อในโครงการพลังงานสะอาดทั่วตะวันออกกลาง

ฟีฟ่าเริ่มพูดถึงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมหรือ Green Goal มาตั้งแต่ปี 2006 อย่างการสนับสนุนการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดในฟุตบอลโลกที่แอฟริกาใต้ ปี 2010

รวมทั้งล่าสุด ในเวที COP26 ฟีฟ่าประกาศ อย่างยิ่งใหญ่ ว่าจะบรรลุข้อตกลงการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2040

การเดินทาง ของนักเตะรวมทั้งแฟนบอล นับว่าเป็นความท้าทาย ที่สุดของการจัดการ คาร์บอน เมื่อคนทั่วทั้งโลกบินมายังจุดหมายปลายทาง เดียวกัน ในประเทศขนาดเล็กที่มีประชากรเพียง 2.9 ล้านคน

โดยมีตัวเลขคาดการณ์ว่า 51% ของการปล่อยคาร์บอนทั้งหมดมาจากการเดินทาง แต่จำนวนนี้นับเฉพาะการเดินทางในกาตาร์ ไม่รวมถึงการเดินทางข้ามประเทศกว่า 160 เที่ยวบินต่อวันของผู้ชมที่ไม่สามารถหาที่พักในกาตาร์ได้ ก็เลยต้องใช้บริการที่พักตาม ประเทศเพื่อนบ้าน ยกตัวอย่างเช่น ประเทศคูเวต โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ซาอุดีอาระเบีย

ถัดมาคือ การสร้างสนาม ฟุตบอลรวมทั้งสถานที่ฝึกคิดเป็น 25% ของการปล่อยคาร์บอนทั้งหมด

ด้วยข้อบังคับของการเป็นเจ้าภาพ บอลโลกต้องมีสนามแข่ง อย่างน้อย 8 แห่ง แต่กาตาร์มีสนาม Khalifa กลางกรุงโดฮา ที่ถูกใช้แบบอเนก ประสงค์เพียงแห่งเดียวมาตั้งแต่ปี 1976 ทำให้การสร้างสนามเพิ่มเติมอีก 7 แห่งกลายเป็นมหกรรม ปล่อยคาร์บอนจากอุตสาหกรรมก่อสร้าง

เมื่อสนาม ฟุตบอลโลก ถูกใช้ประโยชน์ ให้นักเตะโชว์ฝีแข้งเพียง 4 สัปดาห์

กาตาร์ก็เลยพยายามออกแบบ สนามให้รีไซเคิลได้ ยกตัวอย่างเช่น สนาม Ras Abu Aboud ความจุ 40,000 ที่นั่ง ประกอบขึ้นจาก ตู้คอนเทนเนอร์ รวมทั้งถอดตู้กลุ่มนี้ไปใช้ประโยชน์ต่อได้หลังงานจบ

ในขณะที่บางสนาม อ้างว่าจะถูกเปลี่ยนไปเป็นโรงแรมบูติค แต่ต้องยอมรับว่า สนามฟุตบอลที่ถูกทิ้งร้าง ยกตัวอย่างเช่น ริโอเดอจาเนโร รวมทั้ง เอเธนส์ ยังคงเป็นแผลใหญ่ที่หลายประเทศ ลงทุนไปแบบได้ไม่คุ้มเสียมาจนกระทั่งทุกวันนี้

นอกจากนั้น กาตาร์ปักหมุด การแข่งขันให้เกิดขึ้นใน เดือนพฤศจิกายน เพราะเหตุว่าตั้งใจหลีกหลีกเลี่ยงการเผชิญอากาศอันร้อนระอุ ถึงแม้อุณหภูมิจะลดลงจาก 50 องศาเซลเซียสในช่วงหน้าร้อน มาอยู่ที่ 25 องศาเซลเซียส แต่ก็ยังนับว่าอบอ้าว ในระดับที่ต้อง เปิดเครื่องปรับอากาศให้นักเตะยุโรป

กาตาร์ก็เลยสร้างสนามแข่งติดแอร์ถึง 7 แห่ง โดยวิศวกรคนดัง Saud Abdul Ghani สมญานาม Dr Cool ได้ศึกษาระบบ ทำความเย็นในสนามฟุตบอล เพื่อลดอาการบาดเจ็บ ของนักเตะมากว่า 13 ปี จนออกมาเป็นเครื่องปรับอากาศพลังงานแสงอาทิตย์ ที่พ่นลมเย็นใต้ที่นั่ง รวมทั้งมีระบบหมุนเวียนให้ความเย็นไม่ไหลออกนอกสนามแข่ง ราวกับมีฟองสบู่เย็นโอบล้อมอยู่

ในรอบไฟนอลที่สนาม Lusail มีการออกแบบทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ให้มีเหลี่ยมมุมโดยรอบ เพื่อเกิดร่มเงาในทุกจุด หลังจากประเมินว่า ความร้อนตลอด 4 ชั่วโมงที่เกิดขึ้นจากผู้ชม 80,000 คนในสนาม จะเทียบเท่ากับ คอมพิวเตอร์ทำงานพร้อม 160,000 ตัว

การอัดฉีดความเย็น คงต้องทำแบบไม่ยั้ง เพื่ออรรถรสในการรับชม รวมทั้งที่สำคัญ ต้องรักษาสมรรถนะร่างกาย อันร้อนระอุของนักเตะให้ได้มากที่สุด

เชียร์ไปสั่นไป

เมื่อพูดถึงสายตา นับพันล้านคู่ที่จ้อง

ลีลาท่าทางของนักเตะทีมชาติ คนโปรดบนต้นหญ้าเขียวขจี อย่าลืมว่านี่คือการปลูกต้นหญ้าบนดินแดนแห่งทะเลทราย

การกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูต้นหญ้า ในหนึ่งสนามต้องใช้น้ำกลั่นถึง 10,000 ลิตรต่อวันในหน้าหนาว รวมทั้งเพิ่มเป็น 5 เท่าในหน้าร้อน

กาตาร์กล่าวถึงว่ามีการรีไซเคิลน้ำ รวมทั้งลดการใช้น้ำถึง 40% เมื่อเทียบกับการแข่งขันปกติ แต่น้ำจืดกลุ่มนี้ต้องผ่านกระบวนการกลั่น จากโรงไฟฟ้าฟอสซิลเป็นหลัก รวมทั้งยังไม่นับการขนส่งต้นหญ้า มาจากประเทศสหรัฐ อเมริกา ที่ต้องนำคาร์บอนฟุตพริ้นท์มาคำนวณด้วย

สุดท้ายแล้ว การซื้อคาร์บอนเครดิต 1.8 ล้านตันเพื่อชดเชย การปล่อยคาร์บอน มหาศาล หรือการปลูกต้นไม้หลักหมื่นต้น ดูจะไม่เป็นที่ยอมรับสักเท่าไหร่ เพราะเหตุว่า หลักการที่ง่ายที่สุดของการช่วยโลกร้อน คือการไม่ปล่อยคาร์บอนตั้งแต่แรกเริ่ม

อย่างไรก็ตาม นี่นับว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่มีการนำเรื่องของฟุตบอลรวมทั้งโลกร้อน มาเจอกันอย่างเป็นรูปธรรม

บทเรียนของการตั้งเป้าหมายใหญ่ แต่ทำไม่ได้จริง การพัฒนาเทคโนโลยี สร้างสนามแข่ง การสร้างความตระหนักรู้เรื่องสิ่งแวดล้อม ให้กับแฟนกีฬา รวมทั้งการเปิดรับผลประเมินจากองค์กรด้านนอก คงถูกใช้อย่างเข้มข้นในการแข่งขันกีฬาระดับโลกถัดจากนี้

ด้านฟุตบอลยูโรก็ประกาศ จัดการแข่งขันให้เป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2030 ด้วยเหมือนกัน มองเห็นได้จากการปล่อยแคมเปญให้แฟนบอล ลดการสร้างคาร์บอนฟุตพริ้นท์อย่างสม่ำเสมอ

ผล บอลโลก !! อุรุกวัย พบ เกาหลีใต้ 24 พ.ย.65

บอลโลก

ผลการแข่งขัน บอลโลก 2022 กลุ่ม เอช อุรุกวัย เจอ เกาหลีใต้

การแข่งขันฟุตบอลโลก นัดแรกของกลุ่ม เอช เริ่มเกมเกาหลีใต้เปิดเกมบุกเข้าใส่ อุรุกวัย แต่เจาะเข้ากรอบเขตโทษไม่ได้ กระทั่งมาในช่วงนาทีที่ 20 อุรุกวัย มีโอกาสได้ขึ้นนำก่อนจากจังหวะที่ดาร์วิน นูนเญซ หลุดเข้ากรอบเขตโทษแต่เตะไม่โดนพลาดยิงประตูขึ้นนำ

เกาหลีใต้พลาดโอกาสทองในการขึ้นนำจากจังหวะยิงหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียของฮวาง อุย-โจ กองหน้าตัวเป้า

นาทที่ 42 อุรุกวัยได้ลูกเตะมุมแต่ดิเอโก้ โกดิน โหม่งชนเสาพลาดโอกาสช่วยให้อุรุกวัยขึ้นนำ

จบ 45 นาทีแรกกินกันไม่ลงทั้งยังอุรุกวัย และ เกาหลีใต้ เสมอ 0-0

ตลอดครึ่งหลังเกาหลีใต้เป็นฝ่ายที่ครองบอลและต่อบอลได้เหนือกว่า แต่ก็ไม่มีโอกาสทำประตูแบบจะแจ้ง ด้วยเหตุว่าต้องเจอกับความเก๋าของแนวรับอุรุกวัย ช่วงท้ายเกมพลังโสมเริ่มไม่มีแรง จากที่เคยเข้าบอลดุเดือด และสปีดบอลก็ดร็อปลงอย่างมองเห็นได้ชัด ด้านจอมโหดเกือบจะไม่ได้ครองเกมใส่ มีจังหวะบุกแบบฉาบฉวยบ้าง แต่ก็ยังไม่มีโอกาสมากพอที่จะทำประตู แต่หลังจากเปลี่ยนคาวานี่ลงมา แดนหน้าก็ดูเก็บบอลได้มากขึ้น ทำให้เกาหลีใต้ต้องถอยลงไปเน้นเกมรับ

ในช่วงท้ายเกมมีจังหวะยิงชนเสาของบัลเบเด้แทบเป็นประตูชัยให้อุรุกวัยแต่ก็พลาดไป สุดท้ายจบเกม 90 นาทีไม่มีประตูเกิดขึ้น เท่ากัน 0-0 เป็นเกมที่ 4 ใน บอลโลก คราวนี้

อุรุกวัยเกาหลีใต้

รายชื่อ 11 ตัวจริง!!  บอลโลก อุรุกวัย เจอ เกาหลีใต้ 24 พ.ย.65

รายชื่อ 11 ตัวจริงของ ทีมชาติอุรุกวัย เจอ เกาหลีใต้

รายชื่อรายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

อุรุกวัย : เซร์คิโอ โรเชต (GK),มาร์ติน คาเซเรส,ดิเอโก้ โกดิน,มาธิอัส โอลิเวร่า,โฆเซ่ ฆิเมเนซ,เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้,มาทิอัส เวซิโน่,โรดริโก้ เบนตานคูร์,ฟากุนโด้ เปยิสตรี,หลุยส์ ซัวเรซ,ดาร์วิน นูนเญซ

เกาหลีใต้ : คิม ซึง-กิว (GK),คิม มิน-แจ,คิม มุน-ฮวาน,คิม จิน-ซู,คิม ยอง-กวอน,ฮวาง อิน-บอม,จอง วู-ยอง,นา ซัง-โฮ,ลี แจ-ซอง,ซน ฮึง-มิน,ฮวาง อุย-โจ

ฟุตบอลโลก 2022 นัดที่ 14 ของทัวร์นาเมนต์ เป็นเกมการแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่ม (กลุ่ม H) ที่สนามเอดูเคชัน ซิตี้ สเตเดียม โดยอุรุกวัยมาในชุดฟ้า-ดำ เจอกับเกาหลีใต้ในชุดสีแดง

โดย 11 ผู้เล่นของอุรุกวัยมาในระบบ 4-3-3 ประกอบด้วย เซร์คิโอ โรเชต์ (GK), ดีเอโก โกดิน, โฮเซ มาเรีย กิเมเนซ, มาร์ติน กาเซเรส, มาติอัส โอลิเวรา, เฟเดริโก วัลเวร์เด, โรดริโก เบนตันกูร์, มาติอัส เวชิโน, เฟากุนโด เปยิสตรี, หลุยส์ ซัวเรซ และ ดาร์วิน นูนเญซ

ฝั่งเกาหลีใต้มาในระบบ 4-2-3-1 ประกอบด้วย คิมซึงกยู (GK), คิมมุนฮวาน, คิมมินแจ, คิมยองกวอน, คิมจินซู, จองอูยอง, ฮวังอินบอม, นาซังโฮ, อีแจซอง, ฮวังถ่ายอุจจาระยโจ และ ซนฮึงมิน

ผลการแข่งขัน

เกมดำเนินถึงนาทีที่ 20 อุรุกวัยมีโอกาสได้ประตูขึ้นนำ แต่ ดาร์วิน นูนเญซ ชาร์จไม่โดนบอล

นาทีที่ 33 คิมมุนฮวาน เปิดบอลเข้ากลางเขตโทษ แต่ ฮวังอึยโจ ยิงข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 42 อุรุกวัยแทบได้ประตูนำจากจังหวะเตะมุม แต่ ดีเอโก โกดิน โหม่งบอลไปชนเสา ส่วนจังหวะสองก็ตามซ้ำไม่ได้ประตู และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 0-0

ครึ่งหลังนาทีที่ 62 จังหวะสวนกลับของอุรุกวัย เป็นช็อตวิ่งเบียดระหว่าง คิมมินแจ กับ นูนเญซ และเป็นแข้งเกาหลีใต้ไปเสียหลักลื่น แต่สุดท้ายนูนเญซจ่ายบอลไปติดมือของ คิมซึงกยู ทำให้สกอร์ในเกมยังเท่ากัน ท่ามกลางเกมที่เริ่มดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ

นาทีที่ 80 อุรุกวัยได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะที่นูนเญซได้ครองบอลก่อนฉีกหนีตัวประกบซัดด้วยขวา บอลหลุดออกเสาไกลไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 89 เฟเดริโก วัลเวร์เด ได้ลองส่องไกลจากนอกกรอบเขตโทษ แต่บอลเช็ดเสาออกไป และรจากนั้นไม่ถึง 1 นาที โรเชต์เปิดบอลพลาดไปเข้าเท้าซนฮึงมิน ได้โอกาสยิงไกลบ้าง แต่ก็ยังไม่ดีพอจะบังคับทิศทางบอลให้เข้ากรอบได้

ในช่วงท้ายทั้งยัง 2 ทีมเปิดหน้าแลก หันมาใช้จังหวะยิงไกลเพื่อเพิ่มโอกาสทำประตูให้ทีม แต่ท้ายที่สุดไม่มีทีมใดใส่สกอร์กันได้

จบเกม 90 นาที อุรุกวัยเสมอกับเกาหลีใต้ 0-0 แบ่งไปทีมละ 1 แต้ม

สำหรับเกาหลีใต้นัดถัดไปจะเจอกับกานา ในวันที่ 28 พฤศจิกายน เวลา 20.00 น. ส่วนอุรุกวัยจะเล่นกับโปรตุเกสในวันเดียวกัน เวลา 02.00 น.

ซาอุดีอาระเบีย ประกาศวันหยุดพิเศษ ฉลองชัยชนะเหนืออาร์เจนตินา

ซาอุดีอาระเบีย

ซาอุดีอาระเบีย เฉลิมฉลองชัยเหนืออาร์เจนตินาในศึกฟุตบอลโลก 2022 ด้วยการประกาศวันหยุดพิเศษให้ทุกคนในประเทศ

ทางการซาอุดีอาระเบียประกาศให้วันนี้ (23 พ.ย.) เป็นวันหยุดพิเศษ เพื่อเฉลิมฉลองชัยครั้งประวัติศาสตร์ในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่เมื่อวานนี้สามารถเอา ชนะตัวเก็ง อย่างอาร์เจนตินาไปได้ ในรอบแบ่งกลุ่ม ด้วยสกอร์ 2-1 ประตู

โดยวันหยุดพิเศษนี้ จะมีผลอีกทั้งในเมืองหลวงริยาดห์ เมืองจิดดาห์ และก็เมืองอื่นๆรวมถึงหมู่บ้านทั่วประเทศ ส่วนคนที่ได้หยุดก็ได้แก่เจ้าหน้าที่รัฐทุกคน พนักงานภาคเอกชน และก็ผู้เรียนในทุกช่วงการศึกษา

ซาอุดีอาระเบียประกาศวันหยุดพิเศษ

เมื่อวานนี้ปรากฏ ภาพแผนฟุตบอล ซาอุดีอาระเบีย ออกมาเฉลิมฉลอง

แสดงความยินดี ที่ทีมชาติของตัวเองสามารถเอาชนะทีมใหญ่ได้ โดยประชาชนพากันออกมา โบกสะบัดธงชาติซาอุฯ ตามท้องถนนหนทางและก็จัตุรัส รวมถึงสปอร์ตคาเฟ่และก็สวนสาธารณะทั่วประเทศ หากแม้แต่มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน เอง ก็ยินดีอย่างยิ่งกับความสำเร็จนี้ และก็ปรากฏภาพโอบกอดกับพี่น้องของเขา

เมื่อวานนี้ยังเกิดปรากฏการณ์ “ถนนโล่ง” ในซาอุดีอาระเบีย เนื่องจากทุกคนพากันเกาะจอรอชมการแข่งขันอย่างใกล้ชิด หากแม้แต่มหาวิทยาลัยเองยังประกาศหยุดเรียนครึ่งวัน เพื่อให้นักศึกษาได้กลับไปดูฟุตบอลโลก

ที่ต้องซาอุดีอาระเบียเล่นใหญ่เบอร์นี้เป็นเพราะเหตุว่าพวกเขาเฝ้ารอวันที่ ซาอุดีอาระเบียจะมีที่ยืนด้านกีฬาในเวทีโลกมานานแล้ว และก็ชัยเหนืออาร์เจนตินาก็เปรียบได้เสมือนดั่งการประกาศยุคสมัยใหม่ของฟุตบอลซาอุฯ

กัสซัน อัลวาน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของกระทรวงการเคหะซาอุดีอาระเบีย บอกว่า

“เรามีความสุขมากจากผลที่เกิดขึ้น มันเป็นการแข่งขันที่เยี่ยม เราเลื่อมใสในผู้เล่นของเรา เราเขียนประวัติศาสตร์ขึ้นมาในค่ำคืนนี้”

ด้าน อับดุลราห์มัน อาเบด บรรณาธิการข่าวสารกีฬา กล่าวว่า “มันน่าเกินจริง ยิ่งใหญ่ น่าทึ่ง มหัศจรรย์ … ขอแสดงความยินดีกับทุกคน นี่มีความหมายอย่างมากต่อชาวซาอุดีอาระเบียทุกคน สิ่งนี้จะช่วยส่งเสริมทีมอาหรับทุกทีมในฟุตบอลโลก”

ประกาศวันหยุดพิเศษ
ทำความรู้จักผู้จัดการทีมฟุตบอล ซาอุฯ เคยมีผลงานสุดโหดกับ 3 ชาติมาก่อนดับ “อาร์เจนตินา”

เปิดประวัติ เฮิร์ฟ เรนาร์ด ผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติซาอุดีอาระเบีย ก่อนที่จะสร้างตำนานดับ อาร์เจนตินา ของ เมสซี เมื่อวานนี้เขาเคยมีผลงานสุดโหดกับ 3 ชาติมาก่อนแล้ว

วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน 2565 ควันหลงหลังจากเกมที่ ซาอุดีอาระเบีย สามารถสร้างเหตุช็อกโลกด้วยการเปิดสนามฟุตบอลโลก 2022 ด้วยการเอาชนะ 1 ในทีมเต็งแชมป์อย่าง อาร์เจนตินา ไปด้วยสกอร์ 2-1 เมื่อช่วงเย็นวานนี้

เฮิร์ฟ เรนาร์ด ผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติซาอุดีอาระเบีย กลายเป็นคนที่พูดถึงเยอะมากหลังชัยของซาอุฯ ในเกมนี้ ซึ่งมีคนไปขุดประวัติของชายผู้นี้ขึ้นมาพูดถึงกันมาก โดย ตอนนี้ในวัย 54 ปี ผ่านการคุมทีมชาติมาแล้ว 3 ทีมก่อนซาอุฯ

โดยครั้งแรกที่ เฮิร์ฟ เรนาร์ด คุมทีมชาติเกิดขึ้นในปี 2008-2010 โดยคุม แซมเบีย ก่อนที่จะแยกทางกันไปพักนึงและก็กลับมาคุม แซมเบีย อีกรอบในปี 2011-2013 โดยที่ปี 2012 เป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของชาติเมื่อสามารถคว้าแชมป์ แอฟริกัน เนชันส์ คัพ ได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะ ไอวอรี โคสต์ ในรอบชิงชนะเลิศ ก่อนที่จะหนีไปคุมสโมสรในประเทศฝรั่งเศสอยู่หลายปี

ในปี 2014 เฮิร์ฟ เรนาร์ด กลับมาคุมทีมชาติอีกรอบ โดยครั้งนี้เป็น ไอวอรี โคสต์ ชาติที่เขาเคยชนะมาแล้ว ซึ่งเจ้าตัวสามารถพา ไอวอรี โคสต์ เป็นแชมป์ แอฟริกัน เนชันส์ คัพ ปี 2015 ได้อีกด้วย ด้วยการเอาชนะ กานา ได้สำเร็จ และก็เป็นแชมป์สมัยที่ 2 ของ ไอวอรี โคสต์ ในรายการนี้มาจนถึงวันนี้ก็ยังไม่สามารถทำได้อีกเลย

ต่อมาในปี 2016 เจ้าตัวมารับงานกับทีมชาติ โมร็อกโก ก่อนที่จะใช้เวลาไม่นานพาทีม ไปเล่นฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ได้สำเร็จ โดยเป็นครั้งแรกของชาติ ที่มาฟุตบอลโลก ในรอบ 20 ปี หลังทีสุดท้ายเกิดขึ้นในปี 1998 ซึ่งหากแม้คราวนั้นจะมีเพียงแค่ 1 แต้ม แต่ก็ได้รับความไว้วางใจให้ต่อสัญญาไปอีกจนถึงปี 2022 แต่มาถูกไล่ออกตอนปลายปี 2019

หลังจากนั้น ไม่นานในช่วงปลายปี 2019 เจ้าตัวก็มารับงานกับ ซาอุดีอาระเบีย ก่อนที่จะพาทีมมาฟุตบอลโลก 2022 ทีนี้และก็สร้างประวัติศาสตร์ คว้าชัยเหนือทีมเต็งแชมป์อย่าง อาร์เจนตินา ไป 2-1 เมื่อวานนี้

ยามาฮ่า ตั้งเป้าสร้างประวัติศาสตร์ให้ชาติไทยครองบัลลังก์ ASB1000

ยามาฮ่า

“ยามาฮ่า” พร้อมล่าแชมป์ เอเชีย ตั้งเป้าครองบัลลังก์ ASB1000 ก้าวข้ามข้อจำกัด หวังสร้างประวัติศาสตร์ ทีมไทยทีมแรกคว้าแชมป์รุ่นใหญ่

นายพงศธร เอื้อมงคลชัยรองประธานกรรมการบริหาร นางสาวบัวทิพย์ จันทร์ดำรงกุลรองผู้จัดการใหญ่ด้านวางแผนการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เดินทางร่วมให้กำลังใจทัพนักแข่ง ยามาฮ่าไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ในการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์เอเชียโดยในรุ่น ASB1000 ยามาฮ่า ตั้งเป้าคว้าแชมป์ด้วยรถแข่ง YZF-R1M โดยมี อนุภาพ ซามูล #500

มีคะแนนสะสมลุ้นแชมป์อยู่ในอันดับที่ 3 พร้อมคู่คิด อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ #24 ลงชิงชัยในการแข่งขัน รวมทั้งในรุ่น SS600 รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ #56 แชมป์เก่าลงทำการแข่งขันด้วยรถแข่ง YZF-R6

สำหรับการลุ้นแชมป์ในรุ่น ASB1000 ยามาฮ่าไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ตั้งเป้าในการคว้าแชมป์ประเภทบุคคล เพื่อเป็นของขวัญให้กับแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทย รวมทั้งเป็นทีมแข่งไทยทีมแรกที่คว้าแชมป์ในรุ่นใหญ่สุดของเอเชีย ส่วนในประเภททีม ยามาฮ่าไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ยังคงมีคะแนนสะสมเป็นผู้นำในการแข่งขันสนามที่ 5

“ตี” อนุภาพ ควงทีมเมทยืนโพเดียม “แสตมป์” อภิวัฒน์ยืนโพเดียม2-3 รุ่นASB1000เรซแรก จ่อคว้า “แชมป์ประเภททีม” ขณะที่รุ่นSS600เรซแรก โฟลท-รัฐพงษ์ กด R6ไล่บี้คู่แข่งจนกระทั่งโค้งสุดท้าย คว้าอันดับ 5 ศึกชิงแชมป์เอเชียสนามสุดท้าย

ยามาฮ่าล่าแชมป์ เอเชีย

คู่คิด “ตี-แสตมป์” ขุนพลนักบิด “ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม”

อย่าง “ตี” อนุภาพ ซามูล #500 แท็กทีมกับ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ #24 โชว์ฟอร์มการขับรถที่ดุเดือดกระชากรถแข่ง Yamaha YZF-R1M ขับเคี่ยวคู่แข่งอย่างดุเดือด ก่อนควงคู่ผงาดยืนโพเดียมอันดับที่ 2 รวมทั้ง 3 ตามลำดับได้สำเร็จในสนามโฮมเรซกับการชิงชัยรุ่น Asia Superbike 1000cc ศึกชิงแชมป์เอเชียรายการ FIM Asia Road Racing Championship 2022 สนาม 5 เรซที่ 1

โดยผลงานครั้งนี้ของคู่คิด “ตี-แสตมป์” นำมาซึ่งการทำให้คะแนนสะสมของ “ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม” ขยับเข้าใกล้บัลลังก์ “แชมป์ประเภททีม” เกือบเป็นที่แน่นอนแล้ว ส่วน “ตี” อนุภาพ ซามูล #500 สามารถเก็บแต้มเพิ่มยื้อจนถึงฎีกาในการลุ้นแชมป์รุ่นใหญ่ในเรซสุดท้ายด้วยเช่นกัน

ขณะที่รุ่น Super Sports 600cc “โฟลท” รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ #56 นักบิดสังกัด “ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม” ดีกรีแชมป์เอเชียรุ่น Super Sports 600cc สวมหัวใจนักสู้เต็มร้อยกดคันเร่งรถแข่ง Yamaha YZF-R6 ไล่บู๊ขับเคี่ยวชิงเหลี่ยมกับคู่แข่งแบบสุดมันจนถึงโค้งสุดท้าย ก่อนถูกคู่แข่งปะทะทำให้เสียจังหวะหลุดไลน์ไป

แต่ยังสามารถนำรถแข่งเข้าเส้นชัยจบการแข่งขันได้ในอันดับที่ 5 รุ่น Super Sports 600cc ในเกมชิงชัยเรซที่ 1 ศึกชิงแชมป์เอเชียรายการ FIM Asia Road Racing Championship 2022 สนาม 5

ส่วนทางด้านนักบิดไทยที่ลงแข่งขันด้วยการใช้สิทธิ์ไวลด์การ์ดโดยใช้รถแข่ง Yamaha YZF-R6 ลงชิงชัยอย่าง “ไอเดีย” กฤตภัทร เขื่อนคำ #168 สามารถจบการแข่งขันได้ในอันดับที่ 10 เก็บแต้มในรายการชิงแชมป์เอเชียได้สำเร็จ ส่วน “ต๋ง” พีรพงศ์ บุญเลิศ #98, “ฟอง” คณาฑัต ใจมั่น #90 ไม่จบการแข่งขันในเรซนี้

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด

ขณะที่ในรุ่น ASB1000 “ตี” อนุภาพ ซามูล #500

นักบิดสังกัด “ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม” ฟอร์มสุดแกร่งสวมหัวใจสิงห์ไล่บี้ขับเคี่ยวกับคู่แข่งกลุ่มหัวแถวแบบดุเดือด ก่อนกระชากรถแข่ง Yamaha YZF-R1M เข้าเส้นชัยผ่านรับธงตราหมากรุกได้ในอันดับที่ 6 ในการชิงชัยรุ่น Asia Superbike 1000cc ศึกชิงแชมป์เอเชีย

รายการ FIM Asia Road Racing Championship 2022 สนาม 5 เรซสุดท้าย ทำให้สามารถเก็บแต้มสำคัญให้กับทีมได้สำเร็จ นำมาซึ่งการทำให้คะแนนสะสมของ “ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม” ผงาดขึ้นคว้าตำแหน่ง “แชมป์ประเภททีม” รุ่นใหญ่สุดได้อย่างยิ่งใหญ่

ส่วนทีมเมทยืนโพเดียม “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ #24 พลาดท่าล้มจนกระทั่งต้องออกจากการแข่งขันไปอย่างน่าเสียดาย รวมทั้ง “ซุป” อนุชา นาคเจริญศรี #109 ที่ร่วมชิงชัยด้วยการใช้รถแข่ง Yamaha YZF-R1M ด้วยสิทธิ์ไวลด์การ์ดนั้น สามารถจบการแข่งขันได้ในอันดับที่ 8 เก็บแต้มจากศึกชิงแชมป์เอเชียได้สำเร็จ

สำหรับโปรแกรมการแข่งขัน FIM Asia Road Racing Championship 2022 สนาม 5 เรซที่ 2 ของรุ่น Super Sports 600cc รวมทั้ง รุ่น Asia Superbike 1000cc จะมีขึ้นในวันอาทิตย์นี้ เวลา 15.05 น. เป็นต้นไป โดยสามารถรับชมการถ่ายทอดสดได้ทาง FB: Asia Road Racing Championship

รวมทั้งติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ FB: Yamaha Thailand Racing Team โดยการแข่งขันครั้งนี้จัดขึ้น ณ สนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.จังหวัดบุรีรัมย์

ไทยยามาฮ่ามอเตอร์

มาตามนัด ‘เพียร์ส’ ปล่อยสัมภาษณ์ ‘โด้’ ภาคแรก

เพียร์ส

เพียร์ส มอร์แกน ปล่อยวีดีโอฉบับเต็มพาร์ทแรกของบทสัมภาษณ์  โด้ เว้นเสียแต่ วิจารณ์พัฒนาการที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ราล์ฟ รังนิค, เวย์น รูนี่ย์, แกรี่ เนวิลล์ และพวกสื่อทั้งหลายแล้ว เหล่าดาวรุ่งยุคใหม่ก็โดนด้วย แต่ยังชื่นชม ดีโอโก้ ดาโลท์ และ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ อดีตเจ้านาย

หลังจากเกริ่นก่อนเข้ารายการชื่นชมว่า โด้

เป็นนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล มอร์แกน เริ่มยิงคำถามแรก ถึงเหตุผลที่แข้งวัย 37 ปีให้สัมภาษณ์คราวนี้

“ด้วยเหตุว่าผมมีความรู้สึกว่าถึงเวลาต้องกล่าวอะไรบางอย่าง และเป็นเพราะว่า ผมชอบคุณ” พร้อมเสียงหัวเราะของทั้งสอง มอร์แกน กล่าวว่าเขาก็ชอบ โรนัลโด้ เช่นกัน แล้วถามต่อเรื่อง แฟนบอลของ “ปีศาจแดง”

“อย่างที่ผมบอกไปหลายต่อหลายคราว ผมมีแต่สิ่งดีๆจะกล่าวเกี่ยวกับพวกเขา, แฟนบอลคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในวงการฟุตบอล, ผมเล่นเพื่อพวกเขา และพวกเขาก็อยู่ข้างผมมาเสมอ

“ผมรู้สึกถึงสิ่งเหล่านั้นทุกหน ตอนผมเดินไปตามท้องถนนแล้วเจอแฟนบอล พวกเขาชื่นชมสิ่งที่ผมทำ และสำหรับผมสิ่งที่สำคัญที่สุดในฟุตบอลคือแฟนบอลทุกคน”

โด้

คำถามถัดมา มอร์แกน ย้อนความไปช่วงปีที่แล้ว ถึงข่าวเรื่องย้ายจาก ยูเวนตุส ไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อริร่วมเมือง

“ว่าตามตรงนะ มันใกล้มากแล้ว, พวกเขาพูดถึงเรื่องนี้อย่างมาก และ กวาร์ดิโอล่า บอกไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อนว่าพวกเขาพยายามอย่างหนักเพื่อจะได้ตัวผม”

“แต่อย่างที่คุณทราบ ประวัติศาสตร์ของผมอยู่ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หัวใจ, ความรู้สึก และสิ่งที่ผมเคยทำไว้ก่อนหน้าที่ผ่านมาสร้างความแตกต่าง และแน่นอนคือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน”

“ตอนนั้นในบางมุม ผมก็ค่อนข้างเซอร์ไพรส์เช่นเดียวกัน แต่มันเป็นการตัดสินใจจากเสียงอันดังกึกก้องในหัวใจของผม”

“ผมมีความรู้สึกว่าการกล่าวคุยกับ เฟอร์กูสัน คือปัจจัยสำคัญ แต่มันเป็นการตัดสินใจของผมเอง และผมไม่เคยเสียใจที่ทำแบบนั้น”

“เซอร์ อเล็กซ์ กล่าวคุยกับผมแล้วหลังจากนั้นก็กล่าวว่า ‘เป็นไปไม่ได้เลยที่นายจะย้ายไป ซิตี้’ แล้วผมก็ตอบไปว่า ‘ได้เลยครับ เจ้านาย’,”

“แต่ผมขอย้ำว่ามันเป็นการตัดสินใจจากเจตนาของผมเอง และตอนนั้นมันก็เป็นการตัดสินใจที่ดี”

“ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ดี และไม่มีเคยคาดคิดไว้ สิ่งต่างๆเปลี่ยนแปลงภายในเวลา 72 ชั่วโมง ซึ่งไม่ใช่แค่ แมนฯ ซิตี้ เท่านั้นแต่มีอีกหลายสโมสร”

“แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ใช่หนึ่งในสโมสรเหล่านั้น และมันทำให้ทุกคนแปลกใจ หากแม้กระทั่งตัวผมเองก็ด้วย”

หลังจากย้ายกลับ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ผู้ครอบครองรางวัลบัลลงดอร์ 5 สมัยเปิดตัวสวยงาม ทำคนเดียว 2 ประตูใส่ นิวคาสเซิล ช่วงก.ย.ปีที่แล้ว

“มันเป็นความรู้สึกที่สุดยอด แต่ไม่ใช่แค่เฉพาะวันแข่งเท่านั้น ผมรู้สึกแบบนั้นตั้งแต่อาทิตย์ก่อนหน้าแล้วว่าทุกอย่างได้เปลี่ยนไป, โลกกำลังบอกผมว่า โรนัลโด้ มาถึงบ้านแล้ว, เขากลับมาในสถานที่ซึ่งเขาควรอยู่”

“ด้วยเหตุดังกล่าวก็เลยเป็นช่วงเวลาอันดีเลิศในการได้กลับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ได้โชว์ฟอร์มต่อหน้าแฟนบอลของเรา และแน่นอนการยิงได้สองประตูที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด คือการต้อนรับที่ดีที่สุดซึ่งผมเคยได้รับ”

“วันนั้นเป็นวันที่ไม่น่าเชื่อและน่าจดจำสำหรับผม แน่นอนว่าผมชอบได้ยินเพลง ‘วีว่า โรนัลโด้’ จากแฟนบอล และอย่างที่บอกไป สำหรับผมแฟนบอลคือทุกอย่าง”

มอร์แกน ถามต่อเรื่องที่ยอดขายเสื้อ โรนัล โด้ หลังย้ายมาร่วม ยูไนเต็ด ทำลายสถิติของ ลีโอเนล เมสซี่ ซึ่งพอได้ยินชื่อสตาร์จาก เปแอสเช ปุ๊ป กัปตันทีมชาติโปรตุเกสก็ฉีกยิ้มกว้างทันที

“แน่นอนว่าผมมีความสุข แต่อย่างที่ทราบคือผมไม่เคยติดตามสถิติ, สถิติติดเรียกตัวผมต่างหาก ด้วยเหตุดังกล่าวมันเป็นเรื่องดี และเป็นอีกหนึ่งสถิติในหนังสือของผม”

เวลาผ่านไปยาวนานหลายสัปดาห์หลัง โรนัลโด้ หวนซบทีม และสิ่งต่างๆก็ไม่ได้เป็นไปด้วยดีจนถึงกระทั่ง โซลชาร์ โดนปลด และเขาก็ถูกถามถึงความรู้สึกช่วงนี้

“ว่าตามตรงนะ เพียร์ส, ตอนผมเซ็นสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ยูไเนต็ด ผมมีความรู้สึกว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปแล้วด้วยเหตุว่าเวลามันผ่านไปตั้ง 13 ปี… ผมอยู่ มาดริด 9 ปี และอีก 3 ปีที่ ยูเวนตุส”

“และตอนผมมาถึง ผมมีความรู้สึกว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ทั้งเรื่องเทคโนโลยี, โครงสร้างพื้นฐาน และทุกๆเรื่อง”

“แต่ผมก็ต้องแปลกใจในทางที่แย่ ด้วยเหตุว่าทุกอย่างดังเดิม จากนั้น โอเล่ ก็โดนปลด แล้วไมเคิ่ล คาร์ริค เข้ามารับงานต่ออีก 2 นัด, ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก”

“ความไม่มั่นคงของสโมสร ทำให้ผมแปลกใจมาก และทุกอย่างดังเดิมหมด จนถึงผมมีความรู้สึกว่าพวกเขาราวกับหยุดนาฬิกาไว้เลย ซึ่งผมไม่เคยคาดคิดไว้มาก่อน”

คำถามถัดมาเป็นเรื่องการที่ โด้ เสริมทัพของ ยูไนเต็ด

“ตอนผมถูกเซ็นเข้ามา พวกเขาเสริม ซานโช่ และ วาราน มาด้วย ซึ่งเมื่อรวมกับตัวผม ก็ทำให้ผมมีความรู้สึกว่าสิ่งต่างๆกำลังเข้าที่เข้าทางสมกับเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด”

“แต่อย่างที่คุณบอกไป, เซอร์ อเล็กซ์ ทิ้งช่องว่างใหญ่ไว้ที่สโมสร ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้นแต่มีอีกคนที่ผมมีความรู้สึกว่าเคยสร้างความแตกต่าง คือ เดวิด กิลล์ ประธานสโมสร, เขาเป็นคนที่ดีมากๆ”

“โครงสร้างรอบตัว เซอร์ อเล็กซ์ ก็มีความสำคัญเช่นกัน และผมทราบว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ดังเดิมแล้ว แต่ผมไม่มีความรู้สึกว่ามันจะมีช่องว่างใหญ่ขนาดนั้นหลังจากเวลาผ่านไป 10 ปี”

“ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น ทั้งสระว่ายน้ำ, อ่างจาคุซซี่ หรือหากแม้กระทั่งโรงยิม”

“หากแม้แต่เรื่องเทคโนโลยีบางอย่าง, โรงครัวและเหล่าเชฟ ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่น่ารักและผมสำนึกในบุญคุณของพวกเขา! แต่พวกเขาก็หยุดพัฒนาไปซึ่งเป็นสิ่งที่ผมแปลกใจมาก”

“ผมเคยมีความรู้สึกว่าจะได้มองเห็นสิ่งที่ต่างออกไป ทั้งเรื่องเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน แต่โชคร้ายที่พวกเราเห็นว่าหลายอย่างยังคงราวกับตอนผมอายุ 21, 22, 23 ปี, ผมแปลกใจสุดๆ”

“นับตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ ล่ำลาทีมไป ความมองเห็นของผมคือ พัฒนาการของ ยูไนเต็ด เท่ากับศูนย์, เมื่อเปรียบเทียบกับ เรอัล มาดริด หรือหากแม้กระทั่ง ยูเวนตุส แล้ว พวกเขาตามหลังทีมอื่นทั่วทั้งโลก”

“ทั้งเรื่องเทคโนโลยี โดยยิ่งไปกว่านั้นในการฝึกฝน, โภชนาการและการรับประทานอาหารที่เหมาะสม และการฟื้นฟูร่างกาย สิ่งกลุ่มนี้ทำให้ผมแปลกใจ”

“เมื่อนำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในตอนนี้ไปเทียบกับสโมสรเหล่านั้น ผมมีความรู้สึกว่าพวกเขายังตามหลังอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมแปลกใจมาก”

“สโมสรระดับ ยูไนเต็ด ควรจะอยู่ในระดับท็อป และโชคร้ายที่พวกเขาไม่ใช่ แต่ผมหวังว่าในหลายปีข้างหน้า พวกเขาจะไปถึงระดับนั้นได้”

มอร์แกน ถามต่อว่าต่อขานการที่ ยูไนเต็ด แต่งตั้ง รังนิค คือการตัดสินใจที่น่าตลกจริงหรือไม่

“มันเป็นแบบนั้นอย่างแน่นอน, หลังจาก โอเล่ พวกเขาตั้งผู้อำนวยการกีฬา ราล์ฟ รังนิค, นั่นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเข้าใจ”

เพียร์ส ปล่อยสัมภาษณ์

“ชายคนนี้ไม่ใช่โค้ชด้วย สโมสรใหญ่อย่าง ยูไนเต็ด แต่งตั้งผู้อำนวยการกีฬา ทำให้คนทั่วทั้งโลกแปลกใจไม่ใช่แค่ผมเท่านั้น, หากคุณไม่ได้เป็นหากแม้กระทั่งโค้ช คุณจะเป็นนายใหญ่ให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้อย่างไร?

“มันเป็นเรื่องที่ผมควรจะพูดว่า ยูไนเต็ด ไม่ได้เดินตามครั้งทางสู้ความสำเร็จอย่างกับทีมอื่น อย่างได้แก่ ลิเวอร์พูล, ซิตี้, เชลซี ตามหลังทีมกลุ่มนี้ 1-2 ก้าว ด้วยเหตุว่าความผิดพลาดลักษณะนี้”

“ผมมีความรู้สึกว่า ยูไนเต็ด ควรจะปรับแต่งและมีการเปลี่ยนแปลงทีมงาน หรือผู้อำนวยการ หรือประธานสโมสร หรือใครก็ไม่ทราบที่อยู่เบื้องหลังปัญหานี้

“ผมไม่เคยได้ยินชื่อ รังนิค มาก่อน, ผู้คนที่ผมกล่าวคุยด้วยไม่มีใครรู้จักเขา ไม่มีใครเลย”

“ผมเคารพ รังนิค และเรียกเขาว่าเจ้านาย อย่างกับโค้ชทุกคนที่ผมเคยผ่านมา แต่ลึกๆข้างใน ผมไม่เคยมองเขาเป็นเจ้านาย ด้วยเหตุว่าผมมองเห็นบางอย่างซึ่งผมไม่เห็นด้วย”

“อีกอย่างคือ รังนิค หยุดเวลาของเขาไว้เช่นกัน ด้วยเหตุว่าเมื่อคุณไม่ได้เป็นโค้ชมาตลอด 5 ปีหลัง คุณจะเสียตัวตนของคุณในฐานะโค้ชไป”

มอร์แกน ถามต่อเรื่องที่ รังนิค ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า โด้ เพรสซิ่งไม่มากพอ

“ว่าตามตรงนะ เป็นสิ่งที่ผมไม่เข้าใจเลย, พวกโค้ชคนใหม่เข้ามา แล้วหลังจากนั้นก็มีความรู้สึกว่าพวกเขาเจอ โคคา-โคล่า ขวดสุดท้ายในทะเลทราย ทั้งที่กีฬาฟุตบอลถูกทำขึ้นมาตั้งหลายปีแล้ว”

“แต่ผมเคารพโค้ชทุกคน, ผมเคารพวิธีการทำงาน, ความนึกเห็น และทัศนคติที่แตกต่าง แต่เมื่อถึงจุดๆนึงผมก็ค่อนข้างจะไม่เห็นด้วย ซึ่งผมเป็นแบบนี้มาตลอดชีวิต”

“ผมร่วมงานกับโค้ชที่ดีที่สุดของโลกมาตลอด ซีดาน, อันเชล็อตติ, มูรินโญ่, แฟร์นานโด ซานโตส, อัลเลกรี ด้วยเหตุดังกล่าวผมค่อนข้างมีประสบการณ์ ด้วยเหตุว่าผมเรียนรู้จากพวกเขา”

“ด้วยเหตุดังกล่าวเมื่อผมมองเห็นโค้ชคนใหม่เข้ามา และต้องการปฏิวัติฟุตบอล ผมไม่เห็นด้วยและมีความมองเห็นของตนเอง ส่วนพวกเขาก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งของวงการนี้”

“สุดท้ายแล้วผมอยู่ในทีมเพื่อช่วยคว้าแชมป์ และต้องการใช้ประสบการณ์ของผมช่วยเหลือทีมอยู่เสมอ โค้ชบางคนไม่มองเห็นด้วยกับผม และนั่นเป็นส่วนหนึ่งของงาน”

มอร์แกน ถามต่ออย่างเร็วทันใจว่า รังนิก ทราบหรือเปล่าว่ากำลังทำอะไรที่สโมสรอย่าง ยูไนเต็ด

“ไม่อ่ะ พวกเขาไม่ทราบ, พวกเขารู้จักสโมสรเป็นอย่างดี แต่ไม่ทราบถึงความสำคัญหลักภายในสโมสร ไม่ทราบประวัติศาสตร์สโมสรด้วย ซึ่งทำให้ผมแปลกใจมากกว่าเดิมอีก”

“เมื่อคุณปลด โอเล่ โซลชาร์ ออก คุณควรจะแต่งตั้งผู้จัดการทีมระดับท็อป ไม่ใช่ผู้อำนวยการกีฬา”

ประเด็นต่อมา โรนัลโด้ ถูกถาว่า โซลชาร์ ควรจะโดนปลดหรือไม่

“ผมรัก โซลชาร์ เขาเป็นคนระดับท็อป ด้วยเหตุว่าสิ่งที่ผมเก็บไว้ภายในใจของผมก็คือหัวใจของคนๆนั้น และสำหรับผม เขาเป็นคนระดับท็อป”

“โค้ชระดับท็อป? แน่นอนว่า โซลชาร์ ไม่ได้มองหาในสิ่งที่เขาต้องการ เป็นเรื่องยากในการรับงานหลังจาก เซอร์ อเล็กซ์ แต่ผมมีความรู้สึกว่าเขาทำได้ดี และเขาต้องการเวลามากกว่านี้”

“ผมไม่สงสัยเลยว่า โซลชาร์ จะเป็นโค้ชที่ดีในอนาคต แต่มันเป็นประสบการณ์ที่ดี ด้วยเหตุดังกล่าวผมพอใจมากที่ได้รวมงานกับเขา ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ”

ประเด็นถัดมา โด้ ถูกถามเรื่องเหล่าดาวรุ่งในทีม

“ผมไม่มีความรู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้เคารพผู้เล่นที่ประสบการณ์ หรืออายุมากกว่า แต่พวกเขาเกิดในยุคสมัยที่แตกต่างออกไป, ผมสามารถกล่าวแบบนั้นได้ ด้วยเหตุว่าผมมีลูกอายุ 12 ปี, ทัศนคติของพวกเขาไม่ดังเดิม”

“ความกระหายของพวกเขาแตกต่างออกไป ผมมีความรู้สึกว่าพวกเขาได้สิ่งต่างๆมาง่ายดายกว่า ทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายไปหมด ทำให้พวกเขาไม่ได้รับผลกระทบ พวกเขาก็เลยไม่สนใจ”

“ผมไม่ได้หมายถึงแค่เฉพาะไม่กี่คนใน ยูไเนต็ด แต่หมายถึงดาวรุ่งในทุกทีมทุกลีคทั่วทั้งโลก, พวกเขาไม่อย่างกับยุคของผม แต่คุณก็โทษพวกเขาไม่ได้ ด้วยเหตุว่านั่นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและเทคโนโลยีใหม่ซึ่งทำให้พวกเขาไขว้เขว”

“พวกเขาฟัง แต่นั่นเป็นเหตุผลที่่พวกเรามีหูสองข้าง พวกเขาฟังจากหูข้างหนึ่งและทะลุไปอีกข้างนึง”

“ซึ่งไม่ทำให้ผมแปลกใจ ขณะเดียวกันมันก็ค่อนข้างน่าเสียดาย แม้พวกเขามีตัวอย่างที่ดีที่สุดอยู่เบื้องหน้า แต่กลับไม่เลียนแบบในสิ่งที่คุณทำเป็นอย่างน้อย”

“สำหรับผมนั่นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลก ด้วยเหตุว่าผมจำได้ว่าตอนผมอายุ 18, 19, 20 ปี ผมเฝ้าดูผู้เล่นที่ดีที่สุดอยู่เสมอ ฟาน นิสเตลรอย, เฟอร์ดินานด์, รอย คีน และ กิ๊กส์”

“นั่นเป็นเหตุผลที่ผมประสบความสำเร็จอย่างยาวนาน ด้วยเหตุว่าผมดูแลทั้งสภาพร่างกาย, จิตใจ และสมอง, เป็นด้วยเหตุว่าผมเฝ้าดูพวกเขาเหล่านั้น และพยายามเรียนรู้”

“ผมไม่ใช่คนประเภทที่จะชอบให้คำแนะนำ ด้วยเหตุว่าผมชอบทำให้ดูเป็นตัวอย่าง, ผมไปสนามซ้อมทุกเช้าและทำในสิ่งเดิมๆ, ผมอาจไปถึงที่นั่นเป็นคนแรกและกลับเป็นคนสุดท้าย”

“ผมใช้รายละเอียดต่างๆแทนคำพูด ด้วยเหตุว่าอย่างที่ผมบอกไป พวกเขาฟัง แล้วอีกสองนาทีก็ลืม และทำในสิ่งที่มีความรู้สึกว่าดียิ่งกว่า นั่นเป็นเหตุผลที่ผมใช้การกระทำเป็นตัวอย่าง และมีบางคนทำตาม – แต่ไม่มากนัก”

“พวกเขาไม่สนใจ – บางคนสนใจ แต่โดยมากไม่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก และเป็นไปไม่ได้เลยที่อาชีพของพวกเขาจะยั่งยืน”

“ในยุคของผม คุณมองเห็นผู้เล่นหลายคนอยู่ในระดับท็อปจนกระทั่งอายุ 36, 37, 38 และผมมีความรู้สึกว่าสำหรับยุคนี้ คุณจะใช้มือข้างเดียวนับได้เลยว่ามีกี่คนที่ไปถึงระดับนั้น”

“หากถามผมว่ามองเห็นอะไรที่อยู่ในเหล่าดาวรุ่ง ยูไนเต็ด ผมอาจสามารถเอ่ยชื่อ ดีโอโก้ ดาโลท์ – เขาอายุน้อย, ชาญฉลาด และเป็นมืออาชีพสุดๆด้วยเหตุดังกล่าวไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะมีอาชีพค้าแข้งที่ยั่งยืน”

“พวกเรายังมีผู้เล่นอายุน้อยอีกมาก แต่มันเป็นเรื่องยาก, คาเซมิโร่ อายุขึ้นเลข 3 แล้ว, อาจจะ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ล่ะมั้ง แต่ผมขอเลือก ดาโลท์”

ประเด็นถัดมา คือเรื่องที่ เบลล่า ลูกสาวของ โรนัลโด้ ป่วยด้วยโรคหลอดลมอักเสบ หลังลืมตาดูโลกได้เพียง 3 เดือน โดยก่อนหน้านั้นลูกชายชื่อ อังเกล ที่เป็นฝาแฝดเสียชีวิตไปก่อนแล้ว

“นั่นอาจเป็นช่วงเวลาที่แย่ที่สุดในชีวิตผม นับตั้งแต่พ่อผมเสีย, เมื่อคุณมีลูก คุณคาดหวังว่าทุกอย่างจะเป็นปกติ แล้วผมก็เจอปัญหานี้

“ทำให้ทั้งผมและ จีโอ (แฟนสาวของโรนัลโด้) เจอสถานการณ์ที่ยาก ด้วยเหตุว่าพวกเราไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น และทำไมถึงต้องเกิดขึ้นกับพวกเรา”

“และอย่างที่คุณทราบ ฟุตบอลก็แข่งถัดไปอย่างเร็วทันใจมาก มีการแข่งขันหลายรายการโดยไม่ได้หยุดพัก การผ่านช่วงเวลานั้นอาจเป็นเรื่องที่ยากที่สุดในชีวิตผม”

“ในตอนแรก จีโอ กลับมาถึงบ้าน แล้วลูกๆก็เริ่มถามว่า น้องอีกคนอยู่ไหน? น้องอีกคนอยู่ไหน?”

“แน่นอนว่าผมต้องคุยกับลูกชายคนโต ด้วยเหตุว่าเขาอายุ 12 ปีและสามารถรับทราบได้ทุกเรื่อง ผมมีการกล่าวคุยที่ดีกับเขา”

“พวกเราร้องไห้ด้วยกันในห้องนอนของเขา แล้วหลังจากนั้นก็อธิบายสิ่งต่างๆ, เขาเข้าใจ แต่ขณะเดียวกับสับสน”

“ลูกๆ คนอื่นถามเรื่องนี้บนโต๊ะอาหาร และมันเป็นขั้นตอนที่ยาก หลังเวลาผ่านไป 1 สัปดาห์ ผมเลยตัดสินใจเผยความจริงอย่างซื่อตรงกับพวกเขาโดยการบอกว่า อังเกล ไปอยู่ในสวรรค์แล้ว”

“มันเป็นเรื่องดีกว่าที่จะพูดแบบนั้น และเราเริ่มใช้วิธีนี้ ซึ่งเด็กๆ ก็เข้าใจเสมอมา, เมื่อเราพูดคุยกับบนโต๊ะอาหาร พวกเขาบอกว่า ‘พ่อครับ ผมทำสิ่งนี้เพื่อ อังเกล’ แล้วก็ชี้นิ้วขึ้นฟ้า”

“ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมชอบที่สุด เพราะคุณก็รู้ว่านั่นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และผมจะไม่โกหกลูกตัวเอง ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ยาก แต่ขณะเดียวกันผมก็รู้สึกว่ามีความเป็นพ่อคน และสนิทกับพวกเขามากขึ้น”

“ผมสนิทกับ จีโอ มากขึ้น แน่นอนว่าเราเป็นเพื่อนกัน แต่ดูเหมือนว่าผมจะให้ความรักกับเธอมากขึ้น และทำให้ผมมีมุมมองชีวิตที่ต่างออกไป”

ความสูญเสียของ โรนัลโด้ ทำให้แฟนบอลของ ลิเวอร์พูล ทีมคู่แค้น ปรบมือให้กำลังใจพร้อมร้องเพลง You’ll Never Walk Alone ในช่วงนาทีที่ 7 ของเกมที่ลงเจอกัน

“ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าพวกเขาจะทำแบบนั้น, ผมขอใช้โอกาสนี้ กล่าวขอบคุณทุกคนที่อังกฤษ สำหรับน้ำใจของพวกเขา ไม่ใช่แค่ ลิเวอร์พูล แต่ทั่วทั้งอังกฤษเลย”

“ผมได้รับจดหมายจากราชวงศ์เช่นกัน และผมแปลกใจมาก, มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ และนี่คือเหตุผลที่ผมให้ความเคารพประเทศและผู้คนที่อังกฤษอย่างมาก เพราะพวกเขาดีต่อผมสุดๆ ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก”

4 วันให้หลังจากช่วงเวลาอันยากลำบาก ยูไนเต็ด ประกาศว่า เอริค เทน ฮาก เตรียมเข้ามาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ ซึ่ง มอร์แกน ถาม โรนัลโด้ ว่า รู้จักกุนซือชาวดัทช์รายนี้หรือไม่

โรนัลโด้

“ผมรู้จักเขานิดหน่อย จากผลงานที่ อาแย็กซ์”

ยูไนเต็ด จบฤดูกาลที่แล้วด้วยอันดับ 6 และมีเสียงวิจารณ์บางส่วนพุ่งเป้าไปที่ โรนัลโด้ และ เพียร์ส ก็ถามเรื่องนี้

“มันเป็นเรื่องง่ายในการชี้นิ้วมาที่ผม เมื่อคุณต้องการปกปิดเรื่องอื่นๆ และดูเหมือนว่าพวกสื่อ ต้องการเอาผมขึ้นหน้าหนึ่ง เพราะพวกเขารู้ว่าคนจะสนใจและขายข่าวได้มากขึ้น”

“ผมอายุ 37 ปีและเคยชินกับชีวิตแบบนั้นแล้ว, ผมเรียนรู้ว่าเมื่อคุณถึงจุดต่ำสุด หรือจุดสูงสุด คุณจะไม่รู้ตัวและมองไม่เห็นสิ่งที่เคยเห็นมาก่อนหน้านี้”

“เป็นเรื่องดีที่ผมผ่านช่วงเวลาอันย่ำแย่ เพราะมันทำให้เห็นว่าใครอยู่ข้างคุณบ้าง และใครวิจารณ์คุณมากกว่าคนอื่น”

“พวกเขารอคอยจังหวะแบบนี้ เพราะพวกเขาไม่ชอบเห็นคนประสบความสำเร็จ และพยายามพูดถึงเรื่องแง่ลบเท่านั้น”

“ผมกับครอบครัวรู้สึกว่าช่วง 4 หรือ 5 เดือนหลัง สื่อทั่วโลกวิจารณ์ผมหนักยิ่งกว่าเดิมอีก ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไม แม้แต่สื่อโปรตุเกสก็วิจารณ์ผมหนัก ผมไม่เข้าใจจริงๆ”

“แต่ผมเชื่อว่า ความอิจฉา เป็นส่วนหนึ่งของคำวิจารณ์เหล่านั้น และพวกเขาต้องการฉายแสงไปที่เรื่องนึง เพื่อปกปิดอีกเรื่องนึงไว้”

“ผมอยู่ในระดับท็อปมา 21 ปี ดังนั้นผมรู้วิธีรับมือเรื่องนี้ และมันไม่ใช่ปัญหา แต่มันเป็นเรื่องยากในการฟังคำวิจารณ์เหล่านี้ เมื่อสภาพจิตใจของคุณกำลังแย่”

“ข้อดีของผมคือ ผมไม่ชอบอ่านข่าว, ผมรู้ว่า 99 เปอร์เซนต์คือเรื่องโกหก และสื่อคือพวกขยะ ไม่ใช่ทุกคนแต่ส่วนใหญ่ขยะ”

“พวกเขาโกหกอยู่เป็นประจำ พยายามโจมตีและปล่อยข่าวเสียหายให้ครอบครัวผม แล้วผมจะอ่านข่าวพวกนี้ไปทำไม เพราะผมรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาต้องการให้ผมรู้สึกแย่”

โรนัล โด้ มียอดติดตามบนโซเชียลมีเดียทุกแพลทฟอร์มรวมกันมากที่สุดในโลก แล้ว มอร์แกน ก็ถามถึงเรื่องนี้

“ผมรู้สึกดีและภาคภูมิใจกับเรื่องนี้ มันมีความหมายกับผมมาก เพราะหมายความว่าผู้คนชื่นชอบผม และผมคิดว่าผมเป็นคนมีสเน่ห์”

“บางทีผมก็สงสัยเหมือนกันว่า ทำไมผมถึงเป็นอันดับ 1? ทำไมต้องผม? และพูดตามตรง ไม่ใช่แค่เพราะว่าผมเล่นฟุตบอลได้ดี เพราะทุกคนรู้ดีอยู่แล้วเรื่องนี้”

“ผมคิดว่าปัจจัยอื่นก็มีส่วน, คุณต้องมีสเน่ห์ และต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับผู้คน, การที่คุณดูดี ก็ช่วยได้เหมือนกันนะ”

“ผมไม่รู้ว่าเหตุผลที่แท้จริงคืออะไร, ผมเหมือนกับผลไม้ที่ทุกคนอยากลองกัด เหมือนกับสตรอว์เบอร์รี่นั่นแหละ, มันอาจจะฟังดูไม่ค่อยเมคเซนส์เมื่อเป็นภาษาอังกฤษ”

“ผมสนใจเฉพาะผู้คนที่ชื่นชอบผมเท่านั้น ผมไม่เสียเวลากับคนที่ไม่ชอบผม”

“ผมต้องการรายล้อมไปด้วยผู้คนที่รักผม ผมไม่เสียเวลาฟังคำวิจารณ์คนที่เคยอยู่ข้างผม พวกอดีตผู้เล่นทั้งหลายเป็นต้น”

มอร์แกน ถามต่อทันทีเรื่องคำวิจารณ์จาก เวย์น รูนี่ย์ อดีตเพื่อนร่วมทีมคนสำคัญ

“ผมไม่เข้าใจเหมือนกัน เพียร์ส, คุณควรไปถามเรื่องนี้กับเขาเอง เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“ผมไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงวิจารณ์ผมหนักขนาดนั้น ผมไม่รู้ว่าเขาอิจฉาผมหรือเปล่า”

“หนึ่งปีหรือ 6 เดือนที่แล้ว เขาเพิ่งมาที่บ้านผมเพื่อรับลูกๆ ของเขากลับ แล้วก็ชวนลูกผมไปเตะบอลกันที่บ้านของเขา”

“ผมไม่เข้าใจคนแบบนี้ ผมไม่รู้ว่าพกวเขาแค่อยากจะขึ้นข่าวหน้าหนึ่ง หรืออยากได้งานใหม่ หรือด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้”

“บางทีอาจเป็นเพราะความอิจฉา เพราะเขาเลิกเล่นตั้งแต่อายุ 30 กว่า ส่วนผมยังเล่นในระดับสูงสุด”

“ผมจะไม่บอกว่าผมดูดีกว่าเขา ถึงจะเป็นความจริงก็ตาม… แต่มันเป็นเรื่องยากที่่จะรับฟังคำวิจารณ์แง่ลบเหล่านั้น จากคนที่เคยเล่ยร่วมกันคุณ อีกตัวอย่างก็เช่น แกรี่ เนวิลล์”

“ทุกคนสามารถมีความเห็นได้ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นบ้างในสนามซ้อม หรือแม้แต่สิ่งต่างๆ ในชีวิตผม”

“พวกเขาไม่ควรรับฟังมุมมองจากด้านเดียว พวกเขาควรฟังมุมมองของผมเช่นกัน เพราะมันเป็นเรื่องง่ายในการวิจารณ์ เมื่อคุณไม่ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมด”

“พวกเขาไม่ใช่เพื่อนผม เป็นแค่เพื่อนร่วมงาน เราไม่กินข้าวเย็นด้วยกัน”

“แต่นั่นเป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางของผม พวกเขาวิจารณ์ผมตลอดเวลา ดังนั้นผมแค่เดินหน้าต่อไปพร้อมกับผู้คนที่ชื่นชอบผม”

“การวิจารณ์คนอื่นเป็นเรื่องง่าย และผมไม่รู้ว่าเมื่อพวกเขาได้งานออกทีวีแล้ว พวกเขาจะต้องวิจารณ์คนอื่นเพื่อให้มีชื่อเสียงมากขึ้นหรืออย่างไร”

“พวกเขาไม่ใช่คนโง่ และกำลังอ้างชื่อของผมให้เป็นประโยชน์ ซึ่งผมเข้าใจดีว่าผมต้องรับคำวิจารณ์ให้ได้”

“ถึงเรื่องนี้จะไม่ถึงขั้นทำให้ผมนอนไม่หลับ แต่ก็เป็นเรื่องยากในฟังอดีตเพื่อนร่วมงาน และเพื่อนร่วมทีมวิจารณ์คุณโดยเห็นมุมมองจากด้านเดียว”

อดีตเพื่อนร่วมทีมบางคนยังให้การสนับสนุน โรนัลโด้ อยู่ เช่น ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ รอย คีน ซึ่ง มอร์แกน ก็ถามถึงการซัพพอร์ทจากสองคนนี้

“มันมีความหมายกับผมมาก เพราะผมเคยอยู่ในห้องแต่งตัวเดียวกับพวกเขา และพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางโลกฟุตบอลของผมเช่นกัน”

“อย่างที่เคยบอกไปหลายครั้ง สำหรับผม รอย คีน คือ กัปตันที่ดีที่สุดตลอดกาล, ริโอ เฟอร์ดินานด์ ช่วยเหลือผมเป็นอย่างมาก และเราเคยเป็นเพื่อนบ้านกัน”

“ทั้งสองคนนี้เป็นคนดีมากๆ ไม่ใช่แค่เพราะพวกเขาพูดเรื่องดีๆ เกี่ยวกับตัวผม แต่สมัยยังเล่นอยู่ พวกเขามีตัวตนในห้องแต่งตัว และเป็นนักฟุตบอลโดยแท้ จึงรู้วิธีคิดและวิธีปฏิบัติของเหล่าผู้เล่น”

บทสัมภาษณ์ โรนัลโด้ ภาคแรกจบลงเพียงเท่านี้ โดยภาคสองจะออกฉายต่อเนื่องวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้

อันโตนิโอ หนุน ‘ไรซ์’ ว่าที่กัปตันสิงโตคนต่อไป

อันโตนิโอ

มิคาอิล อันโตนิโอ กองหน้าของ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เชื่อว่า เดแคลน ไรซ์ เพื่อนร่วมสังกัด เหมาะสมเป็นกัปตันทีมชาติอังกฤษคนถัดไป

ไรซ์ ซึ่งรับช่วงต่อปลอกแขนกัปตันเวสต์แฮมจาก มาร์ค โนเบิ้ล ก้าวมาเป็นกำลังหลักของทีมชาติอังกฤษภายใต้การคุมทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกต นับตั้งแต่เดบิวต์ในปี 2019

เขาโชว์ฟอร์มเยี่ยมในศึกยูโร 2020 เมื่ออังกฤษได้รองแชมป์ รวมทั้งดาวเตะวัย 23 ปีถูกเลือกติดทีมชาติฝ่าศึกฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกด้วย

รวมทั้งหลังจากเป็นเพื่อนร่วมสังกัดมาหลายปี อันโตนิโอเชื่อว่า ไรซ์ มีคุณสมบัติในการแทนที่ แฮร์รี่ เคน สำหรับบทบาทกัปตัน “สิงโตคำราม”

มิคาอิล อันโตนิโอ

เมื่อถูกถามว่า ไรซ์ จะเป็นกัปตันทีมชาติอังกฤษในอนาคตได้หรือไม่ อันโตนิโอ ตอบกับ SPORTbible “แน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์”

“ตอนนี้เขายังเด็ก แต่ก็เป็นกัปตันทีมเวสต์แฮมด้วย คุณคงมองเห็นแล้วว่าตอนนี้เขาเป็นผู้นำแบบไหน เพราะงั้นเขามีความสามารถที่จะเป็นกัปตันทีมชาติอังกฤษ”

“เขามีคาแร็กเตอร์, ตอนนี้เขารับหน้าที่กัปตันกับเวสต์แฮม เพราะงั้นการสานต่องานนั้นที่ทีมชาติอังกฤษเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับเขา”

“เขาลงเล่นมากมายตั้งแต่อายุยังน้อย กับทีมชาติอังกฤษก็ด้วย รวมทั้งเมื่อ แฮร์รี่ อายุมากขึ้นเรื่อยๆ, ผมคิดว่าเขาเหมาะสมเป็นกัปตันคนถัดไปอย่างแน่นอน”

คาดว่า ไรซ์ จะประสานงานกับ จู๊ด เบลลิงแฮม กองกลางของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ให้ทีมชาติอังกฤษในศึกฟุตบอลโลก 2022

เบลลิงแฮม โชว์ฟอร์มโดดเด่นกับ ดอร์ทมุนด์ ในฤดูกาลนี้ รวมทั้ง อันโตนิโอรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้มองเห็นอดีตมิดฟิลด์เบอร์มิงแฮมกับ ไรซ์ จับคู่แผงมิดฟิลด์

“พวกเขาคือบ็อกซ์ทูบ็อกซ์ทั้งสอง, ขึ้นรวมทั้งลงในสนาม คุณจะมองเห็นได้ว่าตอนนี้ จู๊ด เบลลิงแฮม ทำประตูได้มากมาย” อันโตนิโอกล่าว

“เดค ไม่ใช่พวกจอมยิง แต่เป็นสายทำลายเกมรุก, เอาชนะได้ยาก พวกเขาเป็นทั้งนักฟุตบอลคุณภาพรวมทั้งความสามารถสูง ว่าตามตรงผมพูดว่ามีความสามารถสูงคงไม่ได้ด้วย เพราะตอนนี้พวกเขากำลังแสดงออกมาให้มองเห็นแล้ว”

อันโตนิโอ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด

รู้จัก ‘มิคาอิล อันโตนิโอ’ ว่าที่ผู้ท้าชิงรองเท้าทองคำ พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้!

ถ้าถามหากองหน้าใน พรีเมียร์ลีก ที่ฟอร์มฮ็อตเป็นประจักษ์ชัดที่สุด คงหนีไม่พ้นชื่อของ มิคาอิล อันโตนิโอหนึ่งในนักฟุตบอลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรเวสต์แฮม ยูไนเต็ด แต่มีน้อยคนนักที่จะรู้จักประวัติส่วนลึกที่น่าสนใจของเขา

ดาวยิงเวสต์แฮม ยูไนเต็ดมีชื่อเต็มว่า มาคาอิล เกรกอรี่ อันโตนิโอเกิดเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ปี 1990 ที่วอนส์เวิร์ธ อำเภอทางตอนใต้ของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เติบโตขึ้นมาภายใต้การดูแลเลี้ยงดูจากครอบครัวบริทิชผิวสี ที่มีเชื้อสายเดิมมาจากจาไมก้า

พ่อแม่ของอันโตนิโออาศัยอยู่ด้วยกันมานานกว่า 30 ปี รวมทั้งหากว่าปัจจุบันนี้พวกเขากำลังอยู่ในช่วงวัย 60 ถ้าลองคำนวณดู นั่นหมายความว่าพวกเขาได้ให้กำเนิดลูกชายคนนี้ในช่วงอายุหลัง 30 ปีแล้ว

อันโตนิโอถูกเลี้ยงรวมทั้งเติบโตมาในโซนใต้ของลอนดอน รวมทั้งย่าน วอนส์เวิร์ธ ที่เขาวิ่งเล่นมาตั้งแต่ยังเล็ก ช่วงหนึ่งถูกรายล้อมไปด้วยวัฒนธรรมที่แก๊งค์อันธพาลออกมาสร้างความวุ่นวายรวมทั้งหวาดกลัวชนิดประสบพบเห็นได้ทั่วไป

ในช่วงวัยเด็กของเขา เหตุการณ์ในระแวกแถวบ้านไม่ว่าจะเป็นทำร้ายร่างกาย ต่อย ใช้อาวุธมีดแทง ยิงกัน ดูราวกับจะเป็นเรื่องปกติที่ไม่ได้แปลกอะไรเลยในวัยที่เขายังเป็นผู้เรียน เพราะเหตุว่าเหตุการณ์ที่คนนอกเห็นว่าป่าเถื่อนรวมทั้งเลวร้ายกลุ่มนี้ ตัวเขากลับมองเห็นมันกับตาตัวเองมาแล้วทั้งหมด

“เพื่อนผมบางคนก็ถูกแทงตาย หรือถึงแม้แต่บางคนก็ถูกยิงต่อหน้าต่อตาผม แต่ไม่ตายนะ ผมมองเห็นมาหมดแล้วจริงๆเชื่อผมสิ มันเป็นเรื่องปกติสำหรับที่นั่นเลย ที่คุณจะได้มองเห็นพวกแก๊งค์เหล่านั้นแสดงการกระทำเยี่ยงปีศาจร้ายออกมาสู่ผู้บริสุทธิ์ ถ้าเป็นศึกระหว่างต่างแก๊งค์ก็ต่อสู้ไม่หยุด” อันโตนิโอเคยกล่าวไว้กับเดอะ ซัน

“เมื่อเรื่องที่ว่ามีคนแถวบ้านถูกแทงเข้าหูใครสักคน เขาคนนั้นก็จะมีปฏิกิริยาตอบกลับไปว่า โอเค.. ถูกแทงงั้นหรอ? แล้วหลังจากนั้นก็เดินจากไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันไม่ใช่เรื่องประหลาดเลยเมื่อได้ยินว่ามีคนถูกมีดแทง มีแต่คำถามหวังดีที่อยากรู้ว่าผู้โชคร้ายเป็นอะไรมากหรือเปล่า? บาดเจ็บมากไหม? เพียงแค่นั่นล่ะที่เป็นสนทนาปกติของที่นั่น”

ด้วยสภาพแวดล้อมโดยรอบที่ไม่ดี ออกไปทางแย่เลยทีเดียว เด็กๆหลายคนในระแวกนั้นมีโอกาสสูงที่จะถูกชักจูงเข้าไปสู่หนทางที่ผิด แต่โชคดีที่สำหรับ อันโตนิโอแล้ว ฟุตบอลราวกับสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าประธานมาให้เขา มันช่วยฉุดเด็กน้อยคนนี้ออกจากตัวเลือกผิดๆรวมทั้งความหายนะที่ความไร้เดียงสาอาจจะพาเขาถล้ำลึกลงไปแบบกู่ไม่กลับ

ต่างจากนักฟุตบอลอาชีพชาวอังกฤษคนอื่น ๆ อันโตนิโอไม่ใช่เด็กที่วิ่งเล่นกับลูกฟุตบอลในสวนหลังบ้าน หรือตบเท้าเข้าสู่อะคาเดมี่ชั้นแนวหน้าตั้งแต่อายุ 6-7 ขวบ เส้นทางนี้มันไม่ได้สวยหรู ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ที่จะได้เล่นให้กับสโมสรใหญ่ๆตั้งแต่เยาวชน รวมทั้งก้าวขึ้นมาติดทีมชาติชุดใหญ่ ชีวิตเขาไม่ใช่แบบนั้น

เขาออกสตาร์ทรวมทั้งสัมผัสเส้นทางลูกหนังช้ากว่าเด็กปกติ อันโตนิโอมีอายุ 12 ปีแล้วในวันที่ตัดสินใจเข้าร่วมเป็นนักฟุตบอลเยาวชน กับ ทู้ดติ้ง แอนด์ มิตแช่ม ยูไนเต็ด ศูนย์ฝึกฝนอะคาเดมี่กึ่งอาชีพ ตั้งอยู่แถวเขตเมอร์ตัน เมืองทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงลอนดอน

เขาฝึกฝนฝีเท้ารวมทั้งทำความเข้าใจความถนัดฟุตบอลกับที่นั่นนาน 6 ปี ก่อนที่จะสอดแทรกขึ้นทีมชุดใหญ่เมื่อฤดูกาล 2007/08 มาถึงตอนนี้ความมุ่งที่ต้องการจะก้าวขึ้นเป็นนักฟุตบอลอาชีพอย่างเต็มกำลัง ไม่ใช่ความฝันเพ้อเจ้อของเด็กวัยรุ่นย่านชุมชนที่เต็มไปด้วยการมั่วสุมอย่างเขาอีกต่อไป

แม้จะไม่ใช่อะคาเดมี่ระดับชั้นนำหรือโด่งดังอะไร แต่ ทู้ดติ้ง แอนด์ มิตแช่ม ยูไนเต็ด ในนามสโมสรกึ่งอาชีพนี้ ก็เคยสร้างนักฟุตบอลที่มีชื่อเสียงมาแล้วเช่นกันไม่ว่าจะเป็น อเล็กซ์ สเต็ปนี่ย์ อดีตผู้รักษาประตูระดับตำนานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผู้ลงเล่นให้ต้นสังกัด เกิน 500 นัด หรือ ดาริโอ กราดี้ อดีตปราการหลังชาวอิตาลี ที่ผันตนเองไปทำหน้าที่ผู้จัดการทีม ซึ่งได้คุมทั้ง วิมเบิลดัน, คริสตัล พาเลซ, ครูว์ อเล็กซานดร้า

มิคาอิล

อันโตนิโอไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานในการสร้างความประทับใจ

รวมทั้งเป็นที่จดจำอย่างเร็วในวงการลูกหนังอาชีพ ในช่วงที่เล่นฟุตบอลกับทีมชุดใหญ่ใหม่ ๆเขามักจะถูกแฟนบอลเรียกว่า ‘อัลฟ่า เมล’ เป็นคำแสลงใช้เรียกบุคคล ผู้มีภาวการณ์ผู้นำรวมทั้ง มีความถนัดทางการกีฬาสูง แข้งหนุ่มรายนี้มีจุดแข็งคือร่างอสูรกาย ที่ทั้งแข็งแกร่ง เร็ว รวมทั้งมีเทคนิคแพรวพราวอยู่ในคน ๆ เดียวกัน เกียรติศักดิ์ของเขาก็เริ่มเป็นที่รู้จักกว้างขวางมากขึ้น หลังซัดไปถึง 33 ประตู จากการลงสนาม 45 นัด

การไต่ลำดับอย่างเร็วในทีมชุดเยาวชนของแต่ละช่วงอายุ ทำให้เขาเป็นที่คุ้นหูคุ้นตาของบรรดาแมวมองจากสโมสรต่าง ๆ กระทั่งกลายเป็นที่พูดถึงรวมทั้งหมายปองจากหลายแห่ง ที่หวังอยากจะดึงตัวนักฟุตบอลร่างกายกำยำรายนี้ไปอัพสกิลต่อ

พรสวรรค์สูงแบบนี้ การอยู่สโมสรโนเนมย่อม ไม่ใช่เป้าหมายอยู่แล้ว อันโตนิโอคว้าโอกาสงามย้ายไปร่วมทีมกับ เรดดิ้ง ด้วยค่าตัว 25,000 ปอนด์ จากคำแนะนำของ บิลลี่ สมิธ อดีตผู้จัดการทีม ทู้ดติ้ง แอนด์ มิตแช่ม ยูไนเต็ด ที่ไปแนะนำให้ อลัน พาร์ดิว ซึ่งเป็นอดีตผู้จัดการทีมของเรดดิ้ง สกิดทีมดังจาก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ ให้เซ็นอันโตนิโอไปร่วมทีม

เขาโลดแล่นกับเรดดิ้งนาน 4 ปี แต่ก็ไม่ค่อยมีโอกาสเล่นกับทีมเท่าไหร่ ถูกส่งยืมตัวออกไปอย่างสม่ำเสมอ ทั้งกลับไป ทู้ดติ้ง แอนด์ มิตแช่มในปีที่สอง , เชลเทนแฮม ทาวน์ ,เซาแธมป์ตัน ,โคลเชสเตอร์ รวมทั้ง เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ รวมทั้งกับผลงานยิงไปได้แค่เพียง 1 ประตู จากการลงสนาม 28 นัดให้เรดดิ้ง นั่นเท่ากับเส้นทางแรกกับ เดอะรอยัลส์ ดูราวกับจะยังไม่เป็นไปตามอย่างที่ควรจะเป็น..

ปี 2012-2014 ได้เข้าไปร่วมค้าแข้งในสโมสร เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ อย่างเป็นทางการด้วยสัญญาถาวร ลงสนามมากกว่า 64 นัด ส่วน ปี 2014-2015 ย้ายซบ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ลงเล่นมากกว่า 50 นัด รวมทั้งปีนี้เองที่เขาสร้างแรงสั่นสะเทือนด้วยการคว้ารางวัลผู้เล่นเยี่ยมประจำฤดูกาลดังกล่าว

เวสต์แฮม ยูไนเต็ด มิคาอิล อันโตนิโอ

ฟอร์มที่เขาระเบิดกับฟอเรสต์ทำให้เจ้าตัวตกเป็นแคนดิเดทในการถูกดึงตัวขึ้นมาลองของในพรีเมียร์ลีก ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 1 ก.ย.ปี 2015 อดีตนักฟุตบอลนอกลีกสานฝันของตัวเองให้เป็นจริงด้วยการย่างเท้าขึ้นมาสู่ลีกสูงสุดของประเทศ ซึ่งเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายไปมาก สำหรับเด็กที่เติบโตมาในย่านที่มีสภาพโอบล้อมไม่เอื้ออำนวย

เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ยอมทุ่มเงินถึง 7 ล้านปอนด์ในการดึงตัว มิคาอิล อันโตนิโอมาร่วมทีม เพราะเหตุไรถึงใช้คำว่าทุ่มเงินกับราคานี้ ? เพราะอย่าลืมว่าเขาไม่ใช่นักฟุตบอลที่มีโปรไฟล์สวยหรือเกียรติประวัติน่าเชิดชูอะไรมากมาย แต่การลงทุนในครั้งนี้มันก็ได้แลกเปลี่ยนมาซึ่งนักฟุตบอลฝีเท้าดีที่มีทั้งพลังงานเหลือแหล่ ความเร็วสูง รวมทั้งสายตาอันหลักแหลมที่พร้อมพังตาข่ายคู่แข่งทุกเมื่อ

ซีซั่นแรก ก็จัดการซัดไปถึง 8 ประตู จากการลงสนาม 26 นัด ในพรีเมียร์ลีก อีกทั้งยังมีทีเด็ดคือลูกทุ่มไกลที่ทำแสบใส่ทีมเล็กทีมใหญ่มาแล้ว แต่บางครั้งเขาก็ไม่ได้รับโอกาส แต่เจ้าตัวก็ยังอดทน เฝ้ารอวันที่จะได้พิสูจน์ตนเอง ยอมถูกโค้ชส่งลงไปเล่นแบ็คขวาก็เคยมาแล้ว เพราะมีความเร็วรวมทั้งร่างกายที่แข็งแกร่งคงจะช่วยเกมรับได้ เขาปฏิบัติตัวติดดิน มีความเป็นมืออาชีพ ไม่ว่าจะเล่นแบ็ค เล่นปีก หรือกองหน้า ก็พร้อมรับใช้ทีมเสมอ ขอแค่เพียงโค้ชเอ่ยปากสั่งมา

แม้จะถนัดเล่นในตำแหน่งปีก อีกทั้งยังถูกเห็นว่าผู้เล่นอรรถประโยชน์เล่นได้ทั่วสนาม แต่ดูดุจว่า อันโตนิโอเองก็มีสัญชาติญาณการทำประตูในตำแหน่งกองหน้าที่ไม่แพ้ใครเช่นเดียวกัน ยิงประตูแตะต้องเลข 2 หลักในช่วง 2 ฤดูกาลหลัง กระทั่งได้เปลี่ยนบทบาทเป็น ‘หมายเลขเก้า’ อย่างถาวร โดยเฉพาะในช่วงต้นซีซั่นนี้ที่เจ้าตัวแผลงฤทธิ์เป็นหัวหอกที่อันตรายที่สุดคนหนึ่งบนลีกสูงสุดอย่างปฏิเสธไม่ได้

ดาวยิงร่างยักษ์ วัย 31 ปีฉลองการเปลี่ยนจากเบอร์ 30 มาใส่เบอร์ 9 ฤดูกาลนี้ ด้วยการทำประตูแซง เปาโล ดิ คานิโอ ตำนานขุนค้อนขึ้นเป็นผู้เล่นที่ยิงในพรีเมียร์ลีกมากสุดตลอดกาลของสโมสร รวมทั้งคว้าตำแหน่งผู้เล่นเยี่ยมประจำส.ค. รวมทั้งปัจจุบันนี้นำเป็นดาวซัลโวสูงสุดของลีกยิงไปแล้ว 5 ประตู กับความหวังของเดวิด มอยส์ ว่าเจ้าตัวจะสามารถรักษาการเล่นที่มีประสิทธิภาพแบบนี้เอาไว้ถัดไปได้ยาวๆหรือถ้าให้ดีก็ขอให้จัดแจ่มๆแบบนี้ตลอดจนจบซีซั่น

 

อันโตนิโอ แฟนสาว

ในมุมชีวิตรักของ อันโตนิโอไม่เคยถูกถ่ายทอดหรือพูดถึงต่อหน้าสื่อ

เนื่องจากความรักของเขามันไร้เรื่องดราม่าที่คนต้องการอ่านบนข่าวที่ได้ขึ้นหน้าหนึ่ง ภายใต้ภาพลักษณ์ของนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จรวมทั้งมีบุคลิกลักษณะแฮปปี้ อันโตนิโอได้รับกำลังใจที่สำคัญจากเมียสุดที่รักที่มีจิตใจอ่อนโยนอย่าง เดบบี้ วิทเทิ้ล

ทั้งสองเจอกันครั้งแรกเมื่อเดือนมกราคม ปี 2011 สถานะจากเพื่อนสนิทค่อยๆเปลี่ยนเป็นคนทราบใจ กระทั่งกระทั่งกลายเป็นรักจริง รวมทั้งเมื่อวันที่ 6 กรกฏาคม ปี 2017 อันโตนิโอก็ได้สวมสูทตัวเนี๊ยบเข้าพิธีวิวาห์กับแฟนสาวที่ เอ็กซ์คลูซีฟ คันทรี เฮ้าส์ สแตมฟอร์ดเชียร์ สถานที่ที่ใช้รับรองงานแต่งงานของเหล่าคนผู้คนที่มีหน้าตาในสังคม ก่อนต่อมาจะมีโซ่ทองคล้องใจ ลูก 3 คนแสนสวยอย่าง ไมค์ จูเนียร์ , ไมล์ส ,รวมทั้งไมร่า

ไม่มีใครสนใจว่าเขาเติบโตมาจากไหน เพียงแต่แต่วันนี้ทุกคนรู้จักเขาในฐานะนักฟุตบอลตำนานขุนค้อนที่ทำประตูในลีกมากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร เส้นทางของเขาช่างน่าติดตามต่อรวมทั้งแน่นอนว่ามันไม่ได้หยุดไว้เพียงนี้ สู้ต่อไป.. ความภาคภูมิใจใหม่ของเวสต์แฮม ยูไนเต็ด รวมทั้งที่ขาดไม่ได้เลย ‘ทู้ดติ้ง แอนด์ มิตแช่ม ยูไนเต็ด’ จุดเริ่มของความแข็งแกร่งเกินต้านทาน

มัสต์แฮฟ-มัสต์แครี่ กฎเข้มลิขสิทธิ์ ฟุตบอลโลก เจ็บ-จุก วงจรธุรกิจกีฬา

มัสต์แฮฟ มัสต์แครี่

เหลือเวลาอีกไม่ถึง 10 วัน การแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2022 จะเริ่มเปิดฉากฟาดแข้งกันอย่างเป็นทางการ ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ระหว่างวันที่ 20 พฤศจิกายน-18 ธันวาคม 2565

ส่วนหนึ่งให้จุดโฟกัสอยู่กับเกมลูกหนังที่จัดขึ้นทุกๆวงรอบ 4 ปี แม้ทีมฟุตบอลไทยจะยังไม่มีโอกาสเข้าร่วมฟาดแข้งฟุตบอลโลก แต่สำหรับคนไทยแล้วนั้นฟุตบอลโลกสำคัญต่อคนกลุ่มหนึ่งที่คาดหวังจะได้รับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ขณะเดียวกันก็ต้องเข้าใจว่า มีคนไทยอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้สนใจแล้วก็ติดตามฟุตบอลโลก

ฟุตบอลโลก

แน่นอนว่าสำหรับ ฟุตบอลโลก มันคือเกมกีฬาที่จะสะกดจิตคนไทย

ในส่วนของการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 กับผู้ครอบครองลิขสิทธิ์อย่างสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ยังคงคือปัญหาใหญ่ เป็นวาระระดับประเทศที่เกิดขึ้นซ้ำซากจำเจ…

ต้นตอปัญหาเกิดขึ้นเมื่อตอนฟุตบอลโลก 2014 บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก 2014 มาเรียบร้อยแล้ว จากนั้นคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ แล้วก็กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ดันไปออกกฎ มัสต์แฮฟ (Must Have) 7 มหกรรมกีฬาที่คนไทยต้องดูฟรีประกอบด้วย ซีเกมส์, อาเซียนพาราเกมส์, เอเชี่ยนเกมส์, เอเชี่ยนพาราเกมส์, โอลิมปิกเกมส์, พาราลิมปิกเกมส์ แล้วก็ฟุตบอลโลก

แถมยังมีกฎควบคู่กันนั่นคือ มัสต์แครี่ (Must Carry) ที่ระบุว่า ต้องดำเนินการให้ทุกแพลตฟอร์มให้คนไทยได้ชมแบบฟรี ๆ

ฟุตบอลโลกตอนปี 2014 นั่นคือผลิตภัณฑ์สินค้า 1 ตัว ที่ภาคเอกชนลงทุนเพื่อแสวงหาผลกำไรตามวิถีทางของการดำเนินงานธุรกิจ แต่เมื่อ Must Have แล้วก็ Must Carry ประกาศออกมาย้อนหลัง มันคือฝันร้ายของอาร์เอส ณ เวลานั้น เพราะผลิตภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในมือ บูดเน่า ทันที

ตอนนั้นอาร์เอส โดย เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ยื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครอง เพราะมองว่า Must Have แล้วก็ Must Carry ที่ออกมาจากภาครัฐนั้นไม่มีความชอบธรรมกับอาร์เอส

ตอนนั้นศาลปกครองให้การคุ้มครองอาร์เอส แล้วก็ภาครัฐต้องเข้าไปเยียวยาจ่ายค่าเสียหายให้อาร์เอสจนถึงไม่ขาดทุนกับเงินที่จ่ายไป แถมยังยุ่งวายในส่วนที่ประชาชนคนไทยที่ลงทุนซื้อกล่องบอกรับสัญญาณของอาร์เอสเพื่อจัดเตรียมดูฟุตบอลโลก 2014 ไปแล้วต้องคืนกล่อง แล้วก็อาร์เอสต้องคืนเงินลูกค้ากันยุ่งวายไปหมด

นับตั้งแต่ปี 2014 กฎ Must Have แล้วก็ Must Carry ยังคงตามหลอกหลอน

แล้วก็บ่อนทำลายวิถีทางธุรกิจกีฬาลงอย่างสิ้นเชิง ประเทศที่เขาเคารพในกติกานั้น ภาครัฐจะไม่เข้าไปแทรกแซงการค้าเสรีที่ภาคเอกชนกล้าลงทุน ปล่อยให้เป็นไปตามวิถีทางธุรกิจ หรือหากภาครัฐต้องการเข้าไปร่วมมือกับภาคเอกชนในการดำเนินการก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การเจรจากับผู้ครอบครองลิขสิทธิ์ที่ได้สิทธิบริหารมาจากฟีฟ่า

ตอนฟุตบอลโลก 2018 ก็ยุ่งวายในเรื่องการซื้อลิขสิทธิ์เพราะภาครัฐต้องลงทุนส่วนหนึ่งแล้วก็ไป หักคอ ภาคเอกชนรายใหญ่ระดับประเทศอีกส่วนหนึ่งมาร่วม ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้เต็มใจที่จะมาเปิดตลาดทางธุรกิจกับผลิตภัณฑ์ฟุตบอลโลก

มาถึงฟุตบอลโลก 2022 เอเยนต์ของฟีฟ่ารู้อยู่เต็มใจว่าประเทศไทยนั้นยังไงก็ต้องซื้อลิขสิทธิ์แน่ ๆ แล้วก็ต้องซื้อ ฟูล แพคเกจ ถ่ายทอดสด 64 แมตช์ผ่านทุกแพลตฟอร์ม เพราะยังมีข้อตกลง Must Have แล้วก็ Must Carryอยู่ โดยเหตุนั้น เอเยนต์ฟีฟ่าก็เลยเรียกราคามาในส่วนประเทศไทย 38 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,399,920,000 บาท (อัตราแลกเปลี่ยนเปลี่ยน ณ วันที่ 10 เดือนพฤศจิกายน2565)

ตัวเลขดังกล่าวทำให้ผู้ชำนาญในวงการกีฬา รวมทั้งคนฟุตบอลไทยต่างต้องตกใจแล้วก็แปลกใจ เพราะตัวเลขมันสูงกว่าหลาย ๆ ประเทศทั้งยังในอาเซียน, เอเชีย แล้วก็ยุโรป รวมถึงประเทศไทยถูกเรียกค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกแพงกว่าสหรัฐอเมริกาอีกด้วยอย่างนั้นหรือ…???

กสทช.

ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์หนาหูว่า

ตัวเลขดังกล่าวเกิดจาก ข้อเท็จจริง ที่ฟีฟ่า โก่ง ราคาประเทศไทย หรือมีการปรับแต่งตัวเลขกันจนถึงไปถึงหลัก 38 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ในเรื่องการดำเนินการคือ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ในฐานะผู้รับผิดชอบในการเจรจากับฟีฟ่า ต้องหาเงินมาซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 เป็นเงิน 1,600 ล้านบาท

กกท.ก็เลยตัดสินใจขอรับการสนับสนุนงบประมาณจาก กสทช.ในฐานะที่ออกกฎ Must Have แล้วก็ Must Carry กีดกันจนถึงทำให้ไม่มีภาคเอกชนรายใดกล้ามาลงทุนซื้อ

กรณีดังกล่าวมีทั้งยังฝ่ายที่เห็นด้วย แล้วก็ฝ่ายที่แย้ง แต่ดูประหนึ่งว่าเสียงแย้งจะ หนาหู กว่ามากมาย บ้างก็กล่าวว่า ถ้าหากจะนำเงินภาครัฐซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก 1,600 ล้านบาท นำเงินไปแก้ไขปัญหาเรื่องปากท้องที่คนไทยต้องประสบปัญหาเศรษฐกิจ น้ำท่วมอยู่ดีกว่าหรือไม่…???

บทสรุปบอร์ด กสทช.ไฟเขียวอนุมัติงบประมาณมาให้ กกท.วงเงิน 600 ล้านบาท ในการไปซื้อลิขสิทธิ์ แต่…ต้องเข้าใจว่า กกท.ขอไป 1,600 ล้านบาท ยังขาดอยู่อีก 1,000 ล้านบาท คำถามคือ กกท.จะไปเอาเงินจากส่วนไหนมาเพิ่มเติม

ล่าสุด วันที่ 10 พฤศจิกายน มีข่าวลือว่ารัฐบาลเจรจากับภาคเอกชนรายใหญ่ระดับประเทศ 5 ราย เพื่อขอเงินเกื้อหนุนรายละ 200 ล้านบาท เพื่อนำมาโปะส่วนที่ขาดอีก 1,000 ล้านบาท เพื่อไปรวมกับเงินของ กสทช. 600 ล้านบาท ในการไปซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก 2022 ชนิด โค้งสุดท้าย ก่อนเริ่มการแข่งขันเพื่อให้คนไทยได้รับชมการถ่ายทอดสดกับแบบฟรี ๆ

คำถามคือ เพราะเหตุใดประเทศไทยต้องรอให้ถึงเวลาโค้งสุดท้ายในการดำเนินการเจรจากับฟีฟ่า ทั้ง ๆ ที่ฟุตบอลโลกจัดแข่งขัน 4 ปีครั้ง เวลาที่ผ่านมา 4 ปี ทำอะไรกันอยู่…?

คำถามต่อมาคือ เพราะเหตุใดรัฐบาลยังปล่อยให้ กสทช.บังคับใช้กฎ Must Have แล้วก็ Must Carry ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่ากฎดังกล่าวคือปัญหามานับตั้งแต่ปี 2014…?

อีกคำถามคือ เพราะเหตุใดรัฐบาลถึงยอมที่จะเสียเงินรัฐทุก ๆ วงรอบ 4 ปี ในการต้องไปซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกให้คนไทยได้รับชมแบบฟรี ๆ เพราะเหตุใดไม่ยอมรับกติกา ธุรกิจกีฬา…?

ณ เวลานี้ กสทช.เริ่มรู้ตัวแล้วว่า Must Have แล้วก็ Must Carry ที่ตัวเองผลิตขึ้นมากลายเป็นหอกกลับมาทิ่มแทงตัวเองเพราะทุก ๆ 4 ปี ต้องเสียเงินของ กสทช.ไม่มากก็น้อยในการไปช่วยซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก โดยเหตุนั้น กสทช.จัดเตรียมประกาศถอด ฟุตบอลโลก ออกจาก Must Have โดยให้คงไว้ 6 มหกรรมกีฬาคือ ซีเกมส์, อาเซียนพาราเกมส์, เอเชี่ยนเกมส์, เอเชี่ยนพาราเกมส์, โอลิมปิกเกมส์ แล้วก็พาราลิมปิกเกมส์

ข้อดีของการถอด ฟุตบอลโลก ออกจาก Must Have

คือ เปิดทางภาคเอกชนสามารถกลับเข้าไปร่วมประมูลซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอล แล้วก็คืนระบบ ธุรกิจกีฬา กลับสู่ตลาดกีฬา

ฟุตบอลโลก 2026 ที่สหรัฐอเมริกา, เม็กซิโก แล้วก็แคนาดา ด้วยกันเป็นเจ้าภาพ จะมีภาคเอกชนกลับเข้าไปลงทุนซื้อลิขสิทธิ์มาแสวงหาผลกำไร ซึ่งคนไทยต้องเคารพในกติกา อาจต้อง เสียเงิน ในการดูฟุตบอลโลกเพราะพวกเราต้องทำความเข้าใจวัฒนธรรมกีฬาของโลกมันพัฒนาไปไกลเกินกว่าที่จะมานั่งรอรัฐบาลซื้อมาให้ดูแบบฟรี ๆ กันได้แล้ว

แต่สำหรับฟุตบอลโลก 2022 คนไทยได้ดูถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 แบบฟรี ๆ เป็นการทิ้งทวน 64 แมตช์อย่างแน่นอน

แม้จะกระท่อนกระแท่น ชนิดต้องลุ้นกันแบบใจหายใจคว่ำว่าจะได้ดูฟุตบอลโลก 2022 กันหรือไม่…!!!

นักวิเคราะห์คาดดีลขาย ลิเวอร์พูล อาจแพงที่สุดในโลก

ดีล ขาย ลิเวอร์พูล อาจแพงที่สุดในโลก

นักวิเคราะห์ของ โกลบอลดาต้า บริษัทรับวิเคราะห์ข้อมูลโด่งดังได้ออกมาเปิดเปิดเผยว่า ดีลการขาย ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่ใน พรีเมียร์ลีก อาจกลายเป็นดีลที่มีมูลค่าสูงที่สุดในวงการกีฬา หลังจากที่ เอฟเอสจี ประกาศพร้อมขายทีมแบบสายฟ้าแลบเมื่อวันก่อน ตามรายงานจากลิเวอร์พูลเอ็คโค

ผู้ครอบครองทีม หงส์แดง อย่าง เฟนเวย์ สปอร์ต กรุ๊ป ได้มีแถลงการณ์ออกมาเมื่อช่วงหัวค่ำของวานนี้ในประเทศไทย เกี่ยวกับการเปิดรับข้อเสนอจากผู้ลงทุนที่สนใจแล้วก็การพร้อมเปลี่ยนแปลงการเป็นเจ้าของทีมหากมีข้อเสนอที่น่าพอจเข้ามา โดยพวกเขาได้มอบหมายให้ธนาคารรายใหญ่ 2 แห่งในสหรัฐอเมริกาดำเนินการเรื่องนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

มีรายงานตามมาว่ามูลค่าของลิเวอร์พูล ที่ถูกประเมินไว้โดยนิตยสาร ฟร็อบส์ นั้นสูงถึง 3.6 พันล้านปอนด์ ในขณะที่ คอนราด เวียเซ็ค หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ด้านกีฬาของ โกลบอลดาต้า เชื่อว่าทางกลุ่มทุนจากอเมริกาตั้งเป้าในการขายสโมสรเอาไว้สูงถึง 4 พันล้านปอนด์ หรือราวๆ5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

“การขายทีมลิเวอร์พูล นั้นประเมินเอาไว้ว่าอาจจะสูงถึง 5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพียงแค่ซีซัน 2022-2023 เพียงแค่ฤดูกาลเดียว สโมสรสามารถทำเงินจากการหาผู้สนับสนุนเพียงแค่อย่างเดียวได้สูงถึง 160 ล้านดอลลาร์”

ซึ่งถ้าหากการซื้อขายประสบความสำเร็จจะก่อให้ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมที่มีราคาแพงที่สุดในวงการกีฬา ทำลายสถิติ 4.65 พันล้านดอลลาร์จากการขาย เดนเวอร์ บรองโก้ส์ ทีมอเมริกันฟุตบอลโด่งดังใน เอ็นเอฟแอล เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาลงได้

ดีล ขาย ลิเวอร์พูล
สื่อดังเปิดเผย FSG ประกาศพร้อมขาย ลิเวอร์พูล

เฟนเวย์ สปอร์ต กรุ๊ป หรือ FSG กลุ่มทุนจากอเมริกาออกมาประกาศพร้อมที่จะรับฟังข้อเสนอในการขอซื้อลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก จากบรรดานายทุนแล้วก็มหาเศรษฐีใหญ่อย่างเต็มที่ หลังจากที่ทำการบริหารทีมมา 12 ปีเต็มนับตั้งแต่ปี 2010 ฯลฯมา ตามรายงานจากลิเวอร์พูลเอ็คโค

กลุ่มทุนจากแดนมะกันเข้าเทคโอเวอร์ หงส์แดง จาก ทอม ฮิคส์ แล้วก็ จอร์จ ยิลเล็ค เมื่อปี 2010 ด้วยเงินจำนวน 300 ล้านปอนด์ ในขณะที่หลังจบฤดูกาล 2021-2022 ที่ผ่านมาพวกเขาสามารถสร้างมูลค่าให้กับสโมสรแห่งนี้ได้สูงกว่า 3 .6 พันล้านปอนด์เลยทีเดียว

เอ็คโค อ้างรายงานล่าสุดจาก ดิแอตเลติก โดย เดวิด ออนสตีน ผู้สื่อข่าวโด่งดังได้ระบุว่า ทาง FSG กำลังมองหาผู้ลงทุนรายใหม่ที่จะเข้ามาซื้อสโมสรอย่างแข็งขัน แล้วก็พวกเขาได้แต่งตั้งให้ธนาคารรายใหญ่ 2 แห่งในสหรัฐอเมริกาอย่าง โกลด์แมน แซคส์ แล้วก็ มอร์แกน สแตนลีย์ เป็นผู้ดูแลในกระบวนการนี้ โดยทางเจ้าของลิเวอร์พูล ได้มีการแถลงถึงเรื่องนี้ว่า

“มีการเปลี่ยนแปลงมากมายเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของทีมแล้วก็ข่าวโคมลอยเรื่องการเปลี่ยนแปลงผู้ครอบครองทีมของสโมสรใน EPL แล้วก็พวกเราก็ถูกสอบถามอยู่เป็นประจำเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของสโมสรลิเวอร์พูล ของ เฟนเวย์ สปอร์ต กรุ๊ป อย่างหลีกเลี่ยงมิได้”

“FSG ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องจากบุคคลที่สามที่ต้องการที่จะเข้ามาเป็นหุ้นส่วนในลิเวอร์พูล FSG ได้เคยกล่าวก่อนหน้านี้แล้วว่าภายใต้ข้อกำหนดแล้วก็เงื่อนไขที่เหมาะสมพวกเราอาจจะพิจารณาเรื่องผู้ถือหุ้นรายใหม่ถ้าหากนั่นเป็นประโยชน์สูงสุดของลิเวอร์พูล”

“FSG ยังคงมุ่งมั่นอย่างเต็มที่เพื่อความสำเร็จของลิเวอร์พูล ทั้งในแล้วก็นอกสนามต่อไป”

ลิเวอร์พูล

ผู้ครอบครองใหม่ ลิเวอร์พูล ? ใครมีสิทธิ์เข้ามาทำหงส์แดงแทน FSG หลังประกาศขายทีม

หลังจากที่ เฟนเวย์ สปอร์ตส กรุ๊ป ผู้ครอบครองสโมสรลิเวอร์พูล ได้ออกมาประกาศขายทีมไปเมื่อวานนี้ ทำให้ตอนนี้มีผู้สนใจเข้ามาซื้อสโมสรจากเมอร์ซีย์ไซด์อยู่เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มทุนหรือบุคคลก็ตาม

โดยคำแถลงการณ์ที่ FSG ได้ออกมาประกาศก่อนที่โลกฟุตบอลจะบ้าคลั่งระบุว่า

“ในช่วงเวลาที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงผู้ครอบครองแล้วก็ข่าวโคมลอยเกี่ยวกับการเปลี่ยนผู้ครอบครองสโมสรพรีเมียร์ลีก แล้วก็พวกเราถูกถามอยู่ตลอดเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของลิเวอร์พูล ของ Fenway Sports Group” แถลงการณ์กล่าว

“ทาง FSG ได้รับความสนใจจากบุคคลที่สามที่ต้องการเป็นผู้ถือหุ้นของลิเวอร์พูล แล้วก็ FSG ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาว่าภายใต้เงื่อนไขแล้วก็ข้อเสนอที่เหมาะสมนั้น พวกเราจะทำการพิจารณาผู้ถือหุ้นใหม่ แม้ว่ามันได้ผลประโยชน์สูงสุดต่อสโมสรลิเวอร์พูล”

“FSG ยังคงมุ่งมั่นอย่างเต็มที่เพื่อความสำเร็จของลิเวอร์พูล ทั้งในแล้วก็นอกสนาม”

แล้วก็นี่เป็น 3 ตัวเต็งที่เหมาะสมที่จะเข้ามาทำหน้าที่แทน จอห์น ดับเบิลยู. เฮนรี ที่แอนฟิลด์ โดยเมื่อ 12 ปีก่อนที่เขาเข้ามาซื้อสโมสรลิเวอร์พูล ด้วยราคาเพียงแค่ 300 ล้านปอนด์ (12,858 ล้านบาท) แล้วก็ในขณะนี้ราคาของทีมตอนนี้นั้นสูงถึง 3.5 พันล้านปอนด์ (150,034 ล้านบาท) ด้วยกัน

ขาย ลิเวอร์พูล
เรดเบิร์ด แคปิตอล พาร์ทเนอร์ เป็นตัวกลุ่มแรกที่มีสิทธิลุ้นเข้ามาซื้อ ลิเวอร์พูล

โดยพวกเขามีหุ้นในทีมอยู่แล้ว 10 เปอร์เซ็นตอนนี้ เกอร์รี คาร์ดินัล ผู้ครอบครองกลุ่ม เรดเบิร์ด ที่เมื่อต้นปีก่อนเขาทำเงินไปถึง 538 ล้านปอนด์ (23,054 ล้านบาท) ได้ออกมาปฏิเสธที่จะเป็นเจ้าของสโมสรลิเวอร์พูล แบบสุดกำลังเมื่อปีก่อนว่า “พวกเราไม่รับประกันว่านั่นเป็นเป้าหมายของพวกเรา” คาร์ดินัล กล่าว

“ผมจะไม่ตัดตัวเลือกอย่างสโมสรนี้ออกแน่นอนเพราะเหตุว่าเพราะเหตุว่าพวกเขาเป็นทีมที่พิเศษ แต่ผมมีความคิดว่าลิเวอร์พูล อยู่ในมือคนที่เยี่ยมที่สุดกับกลุ่มทุนปัจจุบันนี้ พวกเรามีหุ้นอยู่ที่นั่นเพียงแค่เล็กๆน้อยๆเพื่อที่จะส่งเสริมสโมสรนี้ไปก่อน แต่ทีมนี้ก็เป็นทีมที่เยี่ยมที่สุดพร้อมด้วยยังมีผู้ครอบครองทีมที่เยี่ยมที่สุดด้วยเหมือนกัน”

ย้อนไปเมื่อสิงหาคม กลุ่ม เรดเบิร์ด ได้เข้ามาซื้อสโมสรจากอิตาลีอย่าง เอซี มิลาน ด้วยราคา 1 พันล้านปอนด์ (42,861 ล้านบาท) ทั้งพวกเขายังมีสโมสรดังในหลาย ๆ ด้านกีฬาที่พวกเขาเป็นเจ้าของด้วยเหมือนกันอย่าง ตูลูส สโมสรจากลีกเอิงประเทศฝรั่งเศส, บอสตัน เรด ซอกซ์ ทีมเบสบอลจากลีก MLB, พิตต์สเบิร์ก เพนกวินส์ ทีมฮ็อกกี้น้ำแข็ง จากสหรัฐอเมริกา ฯลฯ

โดยหนึ่งในผู้ถือหุ้นที่เป็นคนดังอย่าง เลอบรอน เจมส์ ที่ดูแล้วเขาจะเป็นแฟนของลิเวอร์พูล โดยตรง แล้วก็เขามีสิทธิเข้าร่วมในการซื้อลิเวอร์พูล ครั้งนี้ได้ ซึ่งในเดือนมีนาคมปีก่อน เจมส์ ได้กลายเป็นผู้ถือหุ้นส่วนน้อยกับกลุ่ม FSG เพื่อกระชับความสัมพันธ์ของเขากับทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์พร้อมด้วยเพื่อนร่วมธุรกิจของเขาอย่าง มาเวอริค คาร์เตอร์ แล้วก็ พอล วากเตอร์

เจมส์ เคยพูดถึงการเป็นเจ้าของทีมใน เอ็นบีเอ แล้วก็ ทอม แวร์เนอร์ ประธานสโมสรลิเวอร์พูล กล่าวว่าสตาร์ดังของ เอ็นบีเอ จะเข้ามา “มีอิทธิพล” ในการตัดสินใจของหงส์แดง “ผมยินดีรับฟังความความเห็นของพวกเขา” แวร์เนอร์ กล่าวถึง เจมส์ แล้วก็หุ้นส่วนทางธุรกิจของเขาว่า “ผมนับว่า มาเวอริค เป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทที่สุดของผม”

“ผมใช้เวลาหลายชั่วโมงบอกคุยกับเขาเกี่ยวกับแท็คติก การฝึกสอน บทเรียนที่ผมได้ศึกษาจาก เยอร์เกน คล็อปป์ แล้วก็บทเรียนที่เขาได้ศึกษาในฐานะนักบาสเกตบอลมานานหลายปี พวกเรามีความสัมพันธ์ที่ดีมาก ๆ เพราะฉะนั้นผมจะเอ่ยด้วยความซื่อสัตย์จริงเลยว่า ความรู้แล้วก็ประสบการณ์ของพวกเขาจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อพวกเราในอนาคต”

ข้อเสนอจากตะวันออกกลางหลังจากความล้มเหลวของ ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก เมื่อปีก่อน มีรายงานว่า เฮนรี ผู้ครอบครองทีมนั้นปฏิเสธข้อเสนอราคาเกือบจะ 3 พันล้านปอนด์ในการยื่นซื้อสโมสรที่มาจากตะวันออกลาง ถึงแม้ว่าการระบาดของโคโรนาไวรัสทำให้หงส์แดงต้องสูญเสียรายได้ไปราว 120 ล้านปอนด์ (5,137 ล้านบาท) ก็ตาม

ซึ่งการตัดสินใจที่จะขายทีมล่าสุด นั้นคงจะดึงความสนใจของกลุ่มทุนหรือบุคคลจากตะวันออกกลางให้เข้ามาซื้อทีมไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะเหตุว่าในตอนนี้จุดยืนของ FSG นั้นเปลี่ยนไปแล้ว

โดยในตอนนี้ก็มีทางด้านของ ชีค คาเลด บิน ซายิด อัล เนฮายัน ที่สนใจจะสโมสรอยู่ด้วยเหมือนกัน

ชีค คาเลด นั้นเป็นญาติของ ชีค มานซูร์ คนที่เป็นเจ้าของสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่ในตอนนี้ โดยเขาเคยยื่นซื้อสโมสรลิเวอร์พูล มาแล้วสองครั้งในปี 2016 แล้วก็ 2017 ด้วยราคา 2 พันล้านปอนด์ (85,633 ล้านบาท) แต่ก็ล้มเหลวไปทั้งสองครั้ง

ซึ่งย้อนกลับไปในตอนนั้น หงส์แดง ยืนยันอย่างชัดเจนเลยว่าทีมของพวกเขาไม่ได้มีไว้ขาย แต่ในตอนนี้เรื่องมันคงจะกลับกลายเป็นว่าพวกเขาต้องอยากขายทีมให้กับใครสักคนเสียแล้ว

ขาย ลิเวอร์พูล อาจแพงที่สุดในโลก

เซอร์ มาร์ติน บรอจตัน

ชื่อที่แฟนคลับ ลิเวอร์พูล คุ้นเคยกันดีอย่าง เซอร์ มาร์ติน บรอจตัน นั้นเคยวางแผนที่จะซื้อสโมสร เชลซี เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา นั่นจึงเป็นการส่งสัญญาณว่าเขาคงจะกลับมาสนใจในเรื่องของฟุตบอลอีกรอบเป็นแน่แท้ ในฐานะอดีตประธานสายการบินบริติช แอร์เวย์ บรอจตัน ได้ครอบครองตำแหน่งประธานสโมสรลิเวอร์พูลในช่วงสั้นๆเมื่อปี 2010 แล้วก็ได้รับเครดิตจากการเป็นนายหน้าซื้อขายหุ้นให้กับ FSG ราคา 300 ล้านปอนด์ (12,858 ล้านบาท) ของหงส์แดงในตอนนั้น

12 ปีต่อมาเมื่อ โรมัน อับราโมวิช ตัดสินใจที่จะขาย เชลซี บรอจตัน ผู้ที่เป็นแฟนบอลของสิงห์บลูมาตลอดชีวิตได้เข้าร่วมการซื้อขายสโมสรเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ก่อนที่สโมสรจะตกเป็นของ ท็อดด์ โบห์ลี่ ในที่สุด

ในตอนนี้ไม่แน่ว่าเมื่อมีการประกาศขายสโมสร ลิเวอร์พูล ออกมาแบบนี้ เซอร์ มาร์ติน บรอจตัน ที่กลับมาสนใจในกีฬาฟุตบอล คงจะไม่อยากพลาดการซื้อขายครั้งนี้อย่างแน่นอน

ขุนพลนักบิด R-Series ลุ้นแชมป์OR BRIC Super Bike 2022 สนาม 4

ขุนพลนักบิด R-Series

ขุนพลนักบิด R-Series ฟอร์มร้อนแรง ผงาดยืนโพเดี้ยม พร้อมเก็บแต้มลุ้นแชมป์ประจำปี เกมต่อสู้ความเร็วรายการ OR BRIC Super Bike 2022 สนามที่ 4

เดินทางมาถึงสนามสุดท้ายกับเกมการชิงความเป็นเจ้าแห่งความเร็วของเมืองไทย รายการ OR BRIC Super Bike 2022 สนามที่ 4 ที่จัดขึ้น ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยขุนพลนักบิด R-Series ยกทัพลงทำการชิงชัยกันอย่างคึกคักในทุกรุ่นการแข่งขัน และทำผลงานได้อย่างดีเลิศด้วยการทะยานคว้าโพเดี้ยมและเก็บแต้มได้อย่างเป็นกอบเป็นกำจนกระทั่งมีลุ้นตำแหน่งแชมป์ประจำปีกันอย่างถ้วนหน้า

OR BRIC Super Bike 2022

สำหรับเรซแรกของสนามนี้ เปิดประเดิมโดยไล่เรียงจากรุ่นใหญ่ลงไปถึงรุ่นเล็กกันด้วยรุ่น SuperBike 1000 ซีซี

(SB1 Pro, SB1) ซึ่งนักแข่งซุป อนุชา นาคเจริญศรี #10 สังกัดทีม Yamaha Bridgestone Anucha Racing Team กระชากคันเร่งรถแข่ง YZF-R1 ขับเคี่ยวกับคู่แข่งแบบสุดมัน ก่อนทะยานขึ้นโพเดี้ยมอันดับที่ 2 รุ่น SB1 Pro พร้อมเก็บแต้มสะสมรั้งอยู่ในอันดับที่ 2 และยังมีโอกาสลุ้นตำแหน่งแชมป์ประจำปีได้ในเรซสุดท้าย

ส่วนในรุ่น SB1 ต่อศักดิ์ นวลสาย #56 จากทีม ที เอ็น พี มอเตอร์สปอร์ต ก็สามารถโชว์ฟอร์มการขับขี่ได้อย่างดุดัน ก่อนทะยานคว้าแชมป์อันดับที่ 1 ทำสกอร์สะสมขยับเข้าใกล้ผู้นำอย่าง พุทธินัฐ สินทรัพย์ #9 จากทีม Pakero Bridgestone Racing Yamaha ตามเข้าเส้นชัยมายืนโพเดี้ยมในอันดับที่ 2 ส่งผลให้ทั้งสองต้องไปตัดสินแย่งตำแหน่งแชมป์ประจำปีกันในเรซสุดท้าย

ส่วนรุ่น SuperBike 1000 ซีซี SB3 ปัญจทรัพย์ ทองน่วม #13 สังกัดทีม Yommy PRS ครูกันใจดี Racing Team นักแข่ง R-Series ที่ใช้รถแข่ง YZF-R1 ลงทำการแข่งขัน สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้อย่างสูสีก่อนจะทะยานเข้าเส้นชัยคว้าอันดับที่ 2 ยืนโพเดี้ยมได้สำเร็จอีกครั้ง พร้อมทั้งเก็บคะแนนสะสมเพิ่มอีกรั้งจ่าฝูงก่อนลงทำการต่อสู้ในเรซสุดท้ายด้วยแต้มที่นำห่างอยู่ 8 คะแนน มีโอกาสคว้าตำแหน่งแชมป์ประจำปีได้เป็นอย่างมาก

ตามมาด้วยรุ่น Super Stock 1000 ซีซี ST1 สิรภพ พูลศรี #55 สังกัดทีม Yamaha PTT D.I.D. Bridgestone The Bell 55 เนรมิตหนังฟิล์ม earth Thailand สามารถควบ R1 คว้าโพเดี้ยมอันดับที่ 2 มาครองได้สำเร็จ พร้อมกับรั้งอันดับที่ 1 ของตารางคะแนนสะสม โดยมี เพชราวุธ เพชรช่วย #92 จากทีม Speed 800 Yuasa GP Racing Team ที่เข้าเส้นชัยมาในอันดับที่ 4 ตามหลังคะแนนสะสมเป็นอันดับที่ 2 โดยทั้งสองต้องชิงดำกันในเรซสุดท้ายเพื่อตำแหน่งแชมป์ประจำปีของรุ่นนี้

ส่วนรุ่น Super Stock 1000 ซีซี ST3 ธเนศร วนิศรกุล #47 นักบิดทีม Nexzter Moritech AVRP Racing ที่ใช้รถแข่ง Yamaha YZF-R1 ลงสนามต่อสู้สามารถทำผลงานได้อย่างดีเลิศด้วยการทะยานเข้าเส้นชัยคว้าอันดับที่ 2 ยืนโพเดี้ยมได้สำเร็จ พร้อมกับทำสกอร์สะสมรั้งเป็นอันดับที่ 1 ทิ้งห่างคู่แข่งอยู่ 20 แต้ม ก่อนลงทำการแข่งขันในเรซสุดท้าย ซึ่งโอกาสลุ้นแชมป์ประจำปีค่อนข้างสดใสทีเดียว

ในรุ่น Super Sport 600 ซีซี (SS1 และ SS2 ) ที่ขุนพล R-Series ใช้รถแข่ง Yamaha YZF-R6 ลงสนามนั้น ผลปรากฏว่ารุ่น SS1 กฤตภัทร เขื่อนคำ #32 จากทีม Yamaha Hispeed และ นิติพงษ์ แสงสว่าง #33 ทีม Yamaha TS Racing Team สามารถคว้าโพเดี้ยมอันดับที่ 1 และ 2 มาครองได้เป็นลำดับ โดยที่มี ธุรกิจ บัวผา #57 ทีม Yamaha Hispeed คว้าอันดับที่ 4 แต่ยังคงรั้งตำแหน่งผู้นำคะแนนสะสมถัดไป โดยอีกทั้ง 3 คนนี้ต่างก็ยังมีลุ้นตำแหน่งแชมป์ประจำปีได้ในเรซสุดท้าย

ส่วนในรุ่น SS2 สุทธิภัทร พัชรีธร #86 นักแข่งทีม Speed 800 Yuasa GP Racing Team ก็สามารถบิด R6 คว้าโพเดี้ยมอันดับที่ 1 มาครองได้สำเร็จเป็นเรซที่ 4 ติดต่อกัน โอกาสในการคว้าแชมป์ประจำปีของรุ่นนี้ค่อนข้างสดใสแบเบอร์ทีเดียว

ในรุ่น SuperSport 400 ซีซี SS1 Pro รัฐพงศ์ บุญเลิศ #44 นักบิดสังกัดทีม Yamaha KYB IRC NB น้ำบาน โก๋ท่ามะกา โชว์ฟอร์มสุดเฉียบก่อนกระชากคันเร่งรถแข่ง YZF-R3 ทะยานเข้าเส้นชัยคว้าอันดับที่ 1 พร้อมกับทำสกอร์สะสมทิ้งห่างคู่แข่งกินขาด พร้อมผงาดคว้า “แชมป์ประจำปี” ในรุ่นนี้เป็นที่แน่นอนแล้ว แม้จะเหลือการต่อสู้ในเรซสุดท้ายก็ตาม

ส่วนทางด้าน วัชรินทร์ ทับทิมอ่อน #25 นักบิดทีม Yamaha Hispeed ฟอร์มเดือดควบรถแข่ง YZF-R3 กดเวลาฟาสเทสต์แล็ป 1:48.349 นาทีต่อรอบ ก่อนทะยานเข้ารับธงตาหมากรุกเป็นคันแรกในการแข่งขันรุ่น SuperSport 400 ซีซี (SS1Pro, SS1, SS2) พร้อมกับคว้าอันดับที่ 1 ของรุ่น SuperSport 400 ซีซี SS1 ได้สำเร็จ รั้งคะแนนสะสมอยู่ในอันดับที่ 2 ตามผู้นำแค่เพียง 5 แต้ม พร้อมลงชิงดำลุ้นแชมป์ประจำปีในการต่อสู้เรซสุดท้าย

ขุนพลนักบิด

ปิดท้ายกันด้วยรุ่นเล็กอย่าง Sport Production 400 ซีซี SP-Junior

ที่ขุนพลนักแข่ง R-Series ใช้รถแข่ง Yamaha YZF-R3 ในการต่อสู้ ธีรเทพ ต้านชัง #20 จากทีม YAMAHA IRC D.I.D., วิทย์ ชลบุรี ธุรกิจ บัวผา #57 ทีม Yamaha Hispeed และ วรพรต ทองดอนเสมือน #54 ทีม Yamaha IRC D.I.D. สมาร์ทสปอร์ต K-Speed ลาดกระบัง สนองไซเคิลเรซ แม้จะไม่สามารถยืนโพเดี้ยมในการแข่งขันเรซแรกได้ แต่ยังสามารถเก็บแต้มได้อย่างตลอด พร้อมรั้งอยู่ในอันดับที่ 2-3-4 ของตารางคะแนนสะสมเป็นลำดับ โดยตามหลังผู้นำคะแนนสะสมอยู่เพียง 3-4 คะแนนเท่านั้น ทำให้มีโอกาสลุ้นแชมป์ประจำปีของรุ่นนี้ในเกมชิงดำเรซสุดท้ายเช่นกัน