3 สาวไทยเผยชีวิตในขุมนรก ถูกหลอกให้ค้ากามที่เมืองล็อกกิ่ง หนักสุดถึงขั้นบังคับเสพยา

3 สาวไทยเปิดใจ ช่วงชีวิตในขุมนรก หลังจากถูกหลอกไปทำงานที่เมืองล็อกกิ่ง ในเขตปกครองพิเศษพม่า สุดท้าย ต้องขายบริการ หนักสุดถึงกับขนาดบังคับให้อดข้าว แล้วก็ เสพยา ด้วยเหตุว่า หลงเชื่อคนในเฟซบุ๊ก

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 29 เดือนพฤศจิกายน 2565 ในรายการ “เปิดปากกับภาคภูมิ” ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้เอ่ยถึง

กรณี 3 สาวไทย เผยชีวิตในขุมนรก ถูกหลอก-บังคับ-ทรมาน ค้ากาม ที่เมืองล็อกกิ่ง ในเขตปกครองพิเศษของว้าแดง ประเทศเมียนมา ด้วยเหตุว่า หลงเชื่อคนในเฟซบุ๊ก ชวนไปทำงานนางสาวบี

นางสาวบี ผู้เสียหาย อายุ 29 ปี เหยื่อ ค้ากาม เล่าว่า

มีผู้หญิงชื่อน้ำ ซึ่งเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊ก ทักแชตมาหา ชวนไปทำงานที่ประเทศพม่า ในตอนแรก ไม่บอกว่างานอะไร บอกเพียงว่ากลับมาไทยแล้ว ภายหลังไปทำมา 3 เดือน ตัวเองก็เลยถามว่า ได้กี่บาท น้ำบอกว่า กลับมาได้ 7 แสนบาท

ในช่วงเวลานั้น รู้สึกเพียงว่าได้เยอะ เพราะอะไรถึงรีบกลับมา น้ำบอกเพียงแค่กลับมาบวช แล้วก็ มาซื้อบ้าน

ในตอนที่ นางสาวเอ อายุ 29 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนกับบี เผยว่า เห็นว่าทำงานเมืองนอกได้เงินดี และ ไม่ใช่เงินพม่า เป็นเงินหยวน ก็เลยตัดสินใจไปทำงานกัน ทั้ง 3 คน ต่อมาในวันที่ 21 เดือนกันยายน

น้ำขับขี่รถมารับทั้ง 3 คน ที่หอใน จังหวัดชลบุรี ก่อนส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ มาลงเครื่องเชียงใหม่ แล้วก็ ต้องนอนรอที่โรงแรมเชียงใหม่อีก 1 คืน

แล้วก็ วันถัดมา ตอนตี 5 มีรถกระบะคันสีขาวมารับจากโรงแรม ซึ่งเป็นรถกระบะขนแตงโม พาลงไปที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งแถวชายแดน แล้วต่อจากนั้น ชาวบ้านก็ไล่ลงรถ

บอกว่า มีทหารมาตรวจ ควรต้องใช้การเดินเลาะตีนเขาไป ในเวลานั้น เริ่มรู้สึกแปลกใจ อยากจะชวนกันกลับ ด้วยเหตุว่า เห็นระยะทาง และ ไม่โอเค แต่ไม่อาจจะกลับได้

เนื่องด้วย ซิมใช้ไม่ได้ ติดต่อใครไม่ได้เลย ในเวลานั้น มีกันอยู่แค่ 3 คน ใช้เวลาเดินทาง 5 คืน 6 วัน

แล้วก็ จะต้องมีการเปลี่ยนรถยนต์ที่ใช้เดินทางไปเรื่อยๆ เหมือนการขนแรงงานต่างด้าว ต้องแฝงตัวคละไปกับพวกพม่า จนกระทั่งไปถึงเมืองล็อกกิ่ง

คุณปวีณา หงสกุล

คุณปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็ก แล้วก็ สตรี เผย ถึงเหยื่อค้ากาม ว่า

พื้นที่ดังกล่าว เป็นเขตปกครองพิเศษ ไม่มีใครติดต่อได้ แม้จะอยู่ในประเทศเมียนมา แต่อยู่ในตะเข็บชายแดนที่ติดกับจีน

ผู้ที่เข้าไปเที่ยวเป็นชาวจีนทั้งสิ้น มีทั้งหมดทุกอย่างครบวงจร ทั้งยังกาสิโน ธุรกิจสีเทาอยู่ที่นั่นหมด แต่ไม่มีทางติดต่อกับไทยได้เลย ไม่มีถนน มีแต่ทางลูกรัง จากไทยเข้าเมียนมา ต้องลักลอบเข้าไปเท่านั้น เป็นเศรษฐกิจพิเศษเฉพาะคนจีน

นางสาวเอ เล่าต่อว่า หลังจากลงรถที่โรงแรม มีผู้หญิงที่พูดภาษาไทยได้ เรียกตัวเองว่า เจ๊ พาขึ้นไปที่โรงแรม หลังจากนั้น ให้เพื่อนทั้งสองคน คือ บี แล้วก็ ซี ไปอาบน้ำแต่งตัว พร้อมกับบอกว่า

จะให้คนมาดูตัว ในเวลานั้น ตนเองตกใจมาก ด้วยเหตุว่า น้ำเคยบอกไว้ว่า จะให้ทำงานเคทีวี คือ การทำงานในร้านคาราโอเกะ เจ๊คนดัง กล่าวมานั่งคุยกับตน ถามว่า น้ำบอกไหมค่าใช้จ่ายสำหรับเดินทางเท่าไร

ตนก็เลยโชว์รายละเอียดแชตที่คุยกับน้ำให้ดู แล้วต่อจากนั้น เจ๊อธิบายว่า จะต้องมีการเซ็นสัญญา 3 เดือน แล้วก็ จะต้องมีค่าใช้จ่ายจากการหาร้านลงทำงานให้ แล้วก็ ต้องเสียค่าใช้จ่ายสำหรับเดินทางอีก 90,000 บาท

ตอนนั้น ตกใจมาก ไม่เคยรู้ว่าค่าอะไร แล้วก็ เริ่มสงสัยว่า งานที่ทำ ไม่ใช่คาราโอเกะอย่างแน่นอน แถมเจ๊ยังบอกอีกว่า ตัวเองไม่ตรงปก อ้วนเกินไป ไม่มีร้านลงให้ ต้องแยกร้านทำงานกับเพื่อนอีก 2 คน แล้วก็ ได้มารู้ที่หลังว่า น้ำได้เงินจากเจ๊ไป คือ 140,000 บาท

ในเวลาที่ นางสาวซี บอกว่า ตัวเอง แล้วก็ พี่สาว ถูกซื้อตัวไปเข้าสังกัดแห่งหนึ่ง ในเวลานั้น ก็ไม่รู้เรื่อง ด้วยเหตุว่า ฟังไม่รู้เรื่อง ได้ยินอีกที คือ ให้ไปทำงานที่ตึก ในช่วงแรกๆ ก็ทำงานร้านคาราโอกะทั่วไป

นางสาวบี ผู้เสียหาย

แต่หลังๆก็ให้พวกตนขายบริการ แม้จะไม่ยินยอม ค้ากาม แต่เลือกไม่ได้

เนื่องด้วย มีทหารยืนคุม ยืนขู่ทุกๆที่ ทำให้ต้องยอมทุกๆอย่าง มือถือใช้งานได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ก็ไม่ถูกยึด ก็เลยทำตัวปกติทุกๆอย่าง

ในเวลาที่ เอ เล่าต่อว่า ตัวเอง ต้องอยู่ที่โรงแรมผู้เดียว หลังจากแยกกับเพื่อนทั้งสองคน เจ๊บอกจะหาร้านลงให้ แต่ต้องรอ แล้วก็ ถูกชวนขึ้นไปเล่นห้องข้างบนโรงแรม บอกให้ไปฝึกดูงาน พอขึ้นไป ถูกสั่งให้ดมยา แม้จะบอกว่า ดมไม่เป็น ก็ส่งน้ำอะไรไม่รู้ มาให้ตนดื่ม ตนก็เลยขอกลับลงมารอข้างล่าง แล้วก็ อยู่รออยู่ในห้องนั้นอีก 4 วัน ถึงได้มีข้าวกล่อง มาส่งให้กิน

ในเวลานั้น ตนไม่ไหวแล้ว ก็เลยติดต่อกลับไปพบน้ำ ได้รับคำตอบว่า จะส่งให้ตัวเองไปพักอยู่กับบี แล้วก็ ซี ที่ร้านคาราโอเกะ ก่อนบอกกับตนว่า บี แล้วก็ ซี เป็นหนี้เป็นสินอีก 250,000 อีก 1 อาทิตย์ แยกตัวเองก็ได้ไปอยู่อีกร้านหนึ่ง ซึ่งต้องทำงานขายบริการโดยตรง แล้วก็ ใช้ชีวิตอย่างนั้นเดือนกว่า ก็เลยได้ตกลงคุยกันกับเพื่อนอีก 2 คนว่า อยู่ไม่ได้แล้ว ทรมาน หนักสุด คือ ไม่ให้กินข้าว บังคับให้ขายบริการ แล้วก็ เสพยา

แล้วก็ ได้ติดต่อขอความช่วยเหลือจากที่บ้านอย่างเอาจริงเอาจัง หลังจากได้พูดคุยกับครอบครัวตลอด ตั้งแต่มาทำงาน แต่หลังจากคุยเสร็จ ก็ลบข้อมูลทิ้งทุกๆอย่าง เนื่องด้วย กลัวจับได้ ด้วยเหตุว่า ในตอนเซ็นสัญญา เคยถูกขู่ไว้ว่า จะทำร้าย แล้วต่อจากนั้น ครอบครัวก็รวบรวมข้อมูลไปขอความช่วยเหลือไปที่มูลนิธิปวีณา

คุณปวีณา หงสกุล เผยว่า คุณพ่อของเหยื่อ ได้เดินทางมามูลนิธิ แล้วก็ ติดต่อกรมการกงสุล กระทรวงต่างประเทศ ก่อนจะะส่งเรื่องไปสถานทูตไทย ในเมียนมา แต่เนื่องด้วย เป็นเขตปกครองพิเศษ เข้าไปยากมาก แม้แต่ทหารเมียนมาเอง ก็เข้าออกลำบาก ก็เลยได้ติดต่อกับผู้การทหารม้าที่เชียงราย แล้วก็ บินไปพบ แล้วก็ ประชุมกัน เพื่อช่วยเหลือ แล้วต่อจากนั้น ก็ส่งหนังสือในชื่อมูลนิธิ เพื่อติดต่อขอความช่วยเหลือไปที่เมียนมา แล้วก็ วิดีโอคอล ประชุมกันกับตัวแทนทหารเมียน มาตลอดเวลา

ในขณะที่ ทั้งสามคนรอการช่วยเหลือจากทหารเมียนมา ก็พากันหลบหนีออกมาจากสถานที่ทำงาน ไปหลบซ่อนตัว ที่ห้องพักแห่งหนึ่ง น้ำได้ส่งข้อความมาต่อว่า แล้วก็ ทวงเงิน เนื่องด้วย เจ๊ได้ทักไปทวงเงินกับน้ำ แล้วก็ บอกว่า พวกตนหลบหนีออกมาแล้ว

อีกทั้งยังขู่ว่า ถ้าตามเจอ จะส่งทหารมาทำร้าย ถ้าเจอที่นี่ ก็จะกระทืบ แต่ถ้าเจอที่ไทย ก็จะกระทืบเช่นเดียวกัน แล้วก็ จะทำร้ายผู้ที่มาช่วยเหลือด้วย

ในตอนแรก ทั้งสามก็กลัว ด้วยเหตุว่า ยังอยู่ในพื้นที่เมียนมา แต่ตอนอยู่ไทย ไม่กังวล ด้วยเหตุว่า ปลอดภัยแล้ว ในระหว่างรอช่วยเหลือ ยืนยันว่า ทรมานมาก มาม่าห่อเดียวกินกัน 3 คนทุกคน แต่ สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็ติดต่อประสานงานจนรับตัวได้

แต่ในระหว่างนั้นก็ต้องได้รับโทษ เนื่องด้วย ลักลอบเข้าไปในพื้นที่ ติดคุก 3 อาทิตย์ ลักษณะคล้ายคุกขี้ไก่ เป็นคุกไม้มีแต่ฝุ่น พันด้วยลวดหนาม แต่ สุดท้ายก็กลับไทยได้อย่างปลอดภัย

ในส่วนของคดีความ นางสาวปวีณา หงสกุล เผยต่อว่า เรื่องตรงนี้ยังไม่จบ ภายหลังจากนี้ ต้องส่งให้หน่วยสอบสวนขยายผลการค้ามนุษย์ต่อไป แล้วก็ เหลืออีก 2 คน กำลังเดินทางกลับมา สุดท้ายผู้เสียหายทั้งสามฝากถึงผู้ที่กำลังมองหางานว่า มันไม่สวยงามเหมือนอย่างที่คิดไว้ หากจะไปก็ใช้สตินิดนึง แนะว่าอยู่ที่ไทยดีกว่า ถ้าไปแล้วต้องอดข้าวอดน้ำ แน่นอนว่าอยู่ที่ไทยดีกว่า

อย่างไรก็แล้วแต่ สามารถติดตามรายการ “เปิดปากกับภาคภูมิ” พร้อมกันได้ทุกวันจันทร์ ถึง วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 15.30 น. เป็นต้นไป ได้ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32.